Home » ข่าว » กระท่อมริมทาง

กระท่อมริมทาง

ปัญหาบางอย่างอาจไม่เกิด หากไม่ติดไฟแดง

ภายในรถ ภรรยา และลูกชายวัยรุ่นสองคนของเรา บรรยากาศสนทนาเฮฮาสัพเพเหระมาตลอด กระทั่งผมเหลือบเห็นป้ายไวนิลผืนเล็กบนชายคาห้องแถวข้างทาง ข้อความ “ขายใบกระท่อม”

มองด้วยอารมณ์ขำๆ ใครขืนทำอย่างนี้ไม่กี่เดือนก่อน ตำรวจคงยกกำลังมารวบตัว ข่าวครึกโครมทั่วประเทศอย่างแน่นอน   สิ่งหนึ่งเคยถูกสมมติปีศาจร้าย น่าเกลียดน่ากลัว กลายมาเป็นนักบุญชั่วข้ามคืน เดี่ยวนี้เต็มบ้านเต็มเมือง ขายใบสดหาง่าย หลายแห่งทำน้ำบรรจุขวดแช่เย็น

ผมคิดแค่นั้นจริงๆ ลูกชายคนโต ละการคุยเรื่องเกมอย่างเมามันกับน้องชายของเขา หันมาประกาศว่า “ผมจะซื้อกระท่อมมากิน”

“มันคือยาเสพติด” แม่ของเขาสวนทันควัน

แม้กฎหมายจะบอกว่า ถูกต้องกฎหมาย กระท่อมยังเป็นกระท่อม มันไม่รู้กฏหมายด้วยหรอก

ใช่ ! ผมเห็นด้วยในใจ  กฎหมายเป็นตัวปัญหา คนใต้เคี้ยวใบกระท่อมมาก่อนแบบเรียนวิชาสุขศึกษาจะบอกว่าอันตราย พอกฎหมายห้าม ใครปลูก โดนจับ โค่นต้นทิ้ง ต้องแอบปลูกหลบๆซ่อนๆ  ระหว่างนั้นมีคนพูดว่ามันเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ก็ไม่มีใครสนใจฟัง

 ผมยังไม่ได้แสดงความเห็นอะไร  รถเลื้อยผ่านไฟแดง ประเด็นกลับเข้มข้น ลูกชายคนโต และคนเล็กกลับเห็นพ้องขัดแย้งกับแม่ พวกเขาตั้งคำถามว่า “ยาเสพติด” คืออะไร กระท่อมไม่ใช่สิ่งเสพติด ที่ผ่านมารัฐอยู่ฝ่ายนายทุนเครื่องดื่มชูกำลัง จึงออกกฏหมายสกัดชาวบ้าน คิดดูถ้าคนกินน้ำกระท่อมกันง่ายดาย ใครจะไปซื้อของพวกนั้น คนพวกนั้นอีกยัดเงินใต้โต๊ะมาตลอดไม่ให้มาแตะเรื่องนี้

 ผมมองเส้นแบ่งครึ่งถนนที่กลืนเข้าใต้ท้องรถเร็วขึ้น เห็นด้วยกับประเด็นนี้ แม้จะไม่เคยมีใครยืนว่ามีเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันจริง แต่ประเทศนี้หรือโลกใบนี้ก็มีวาระซ้อนเร้นเยอะแยะ

“คนเราไม่จำเป็นจะต้องกินยาชูกำลังอยู่แล้ว  อยากแข็งแรงกะปรี้กระเปล่า กินอาหารครบห้าหมู่  พักผ่อนเพียงพอ  คนกินมีแต่คนโง่เท่านั้น ”  เห็นได้ชัดว่าแม่เขาชักมีอารมณ์ที่ลูกดึงดันแข็งขันว่าการกินใบกระท่อมเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ใช่ความผิดร้ายแรง

เธอยืนยันเสียแข็งถึงอย่างไรมันก็คือสารพิษ เสพติดเป็นอันตรายต่อร่างกาย  ของพวกนี้ถึงไม่กินคนเราก็อยู่ได้  การเอาเข้าสู่ร่างกายต่างหากปัญหาตามมาสารพัด   

ผมพลอยนึกถึงกฎหมาย  นอกจากเป็นสมมติที่สร้างเพื่อให้สังคมสงบสุข แท้จริงแล้วมันไม่ได้บอกถึงสมมติฐานดีชั่ว หรือ ความสมเหตุสมผลอันใดเลย บางครั้งยังเป็นเครื่องมือสำหรับ ผู้ปกครอง หรือ พวกหาผลประโยชน์เสียมากกว่า นั่นเป็นสัจธรรมที่ยังดำรงอยู่ทุกคนตกเป็นเหยื่อ  กฎหมาย ศีลธรรม ทุน นโยบายพรรค สำหรับผมไม่เห็นด้วยที่ต้องกินใบกระท่อม

“โธ่ พ่อ มันก็เหมือนกินกาแฟ” ลูกชายคนโตเถียงต่อ

“กาแฟ มันก็ไม่มีประโยชน์กับร่างกาย” บ้านนี้ผมคนเดียวไม่ดื่มกาแฟ

“มีประโยชน์ซิ เขาวิจัยออกมาแล้ว”

“งานวิจัย มันจ้างใครทำก็ได้” ผมกระโดดร่วมวงถกเถียง เริ่มหน้าดำหน้าแดง เมื่ออธิบายว่า โลกยุคนี้ เขาจะฟอกอะไรให้ดูดี ก็เพียงแต่จ้างนักวิจัย ทำผลงานออกมาสนับสนุน  มีเงินจ่ายมากพอซื้อคำตอบทางวิทยาศาสตร์ย่อมรองรับอย่าง สวยหรู เดี๋ยวว่าน้ำมันปาล์มดีต่อสุขภาพ บางสำนักก็ว่าอันตราย ควรใช้น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง ตกลงจะเชื่อใคร ถ้า เขาวิจัยว่ากินน้ำปลาวันละแก้วก่อนนอน จะทำอย่างไร

“ใครจะไปกินละพ่อ”

“ไม่ได้หมายความอย่างนั้น มองในแง่ว่าเราถูกครอบงำ จากบางสิ่งบางอย่าง”  ผมว่า อย่างกาแฟ ครั้งหนึ่งมันก็เคยเขียนอยู่ในหนังสือสุขศึกษาว่าชา-กาแฟ เป็นยาเสพติดชนิดหนึ่ง  มาถึงทุกวันนี้ ก็ไม่เห็นใครจะกล่าวถึงโทษภัยอะไรจริงจัง มีแต่โฆษณาชวนกินกาแฟ ร้านกาแฟ  เต็มบ้านเต็มเมือง ธุรกิจกาแฟ ครอบงำโลก ขาดกาแฟคนก็คงไม่ง่วงตาย แต่มันเรื่องใหญ่กว่านั้นเป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจ

“นั่นยุคโบราณ ประเทศไหนห้ามดื่มกาแฟคงแปลก” ลูกชายว่า  วกกลับไปปิดบัญชีกับแม่ของเขา  สรุป กระท่อม ไม่ใช่ยาเสพติด ถ้าเทียบกับกาแฟ  แม่ของเขาดูจะโกรธจนไม่อยากคุยด้วย  “ใครอยากกินก็เชิญ”

“ยาเสพติด บางอย่างแม้จะดูเรื่องเล็ก ก็นำไปสู่ยาเสพติดที่หนักขึ้น”ผมคิดว่าอยากเตือนสติมากกว่า  ควรจะจบเรื่องนี้  ออกนอกเมือง แต่ก็เหมือนมีอะไร ค้างคาอยู่จนหนักรถ  ต่างคนต่างคงมีภาพในใจ  ผมอดคิดถึงนิยาม ยาเสพติด ในความหมายเด็กรุ่นใหม่   พวกเขาดูซี่รี่ส์หนังฝรั่ง เล่าประวัติเจ้าพ่อยาเสพติด อย่างเป็นฮีโร่ 

คำว่า “น้ำท่อม” เคยเป็นคำพูดที่แซวกันเล่นจนติดปากมาก่อน  สำหรับผมเองมันคงชัดอยู่กับภาพครั้งหนึ่ง ตัวเองนั่งกินมื้อเที่ยงอยู่ร้านข้าวแกงริมทาง  จู่ๆ รถมอเตอร์ไซค์ ขับทะลุพรวดเข้ามาในร้าน ชนโต๊ะเก้าอี้ล้มเกลื่อนกระจาย

ผมตกใจ เจ้าของร้านกลับไม่ตื่นเต้นอะไรมาก เขาว่าเกิดขึ้นบ่อย พวกเด็กเมาสี่คูณร้อย นอนกลิ้งกับพื้น ลุกขึ้นยืน ทิ้งรถ เดินเหม่อออกไปเหมือนผีดิบ    ถ้าเล่าเรื่องนี้ขึ้นมาตอนนี้ ลูกคงเถียงว่าสี่คูณร้อยมีสารพิษหลายชนิดรวมอยู่ด้วย

            ทุกคนได้แต่ทำหน้าบึ้งตึงไม่มีใครอยากคุยกับใคร กันไปพักใหญ่  ผมเพิ่งสังเกตว่าข้างทาง มีป้ายบอกขายพันธุ์กระท่อม มากพอๆกับบอนสี บ้างระบุว่าเป็นพันธุ์ก้านแดง  น่าจะเป็นพันธุ์ที่เขาต้องการ 

แล้วรัฐบาลก็ปลดล๊อคกัญชา  ช่วงนี้กลุ่มทุนชิงทำตลาดล่วงหน้ากันคึกคัก เราอยู่ในยุคของความสับสน ไม่ชัดเจน แม้แค่คำว่า “ยาเสพติด” ยังต้องเถียงถึงนิยาม ไม่ต้องพูดถึงกัญชา.

ถนอม ขุนเพ็ชร์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *