“ผู้ว่าฯ อำพล” รุดช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่อำเภอบตงและธารโต พร้อมมอบถุงยังชีพ สั่งการเร่งรัดช่วยเหลือเต็มที่
13 ตุลาคม 2567 เวลา 11.45 น. นายอำพลพงศ์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วยนายสาคร นิลรัตน์ ผู้ตรวจราชการ กรมโยธาธิการและผังเมือง เขต 7 นายโอฬาร บิลสัน ปลัดจังหวัดยะลา นายอมร ชุมช่วย นายอำเภอเบตง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา ชลประทานยะลา โยธาธิการและผังเมืองพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยะลา นายกกิ่งกาชาดอำเภอเบตง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ หมู่ที่ 4 บ้านธารมะลิ ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยได้มอบเงินเยียวยาค่าจัดการศพให้แก่ครอบครัวของ นายกอเดร์ ลือบาจิ จำนวน 29,700 บาท และกิ่งกาชาดอำเภอเบตง จำนวน 3,000 บาท พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัย จำนวน 7 ชุด
หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาและคณะ ได้สำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มในพื้นที่หมู่ที่ 4 บ้านธารมะลิ ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา นายอำพล พงศ์สุวรรณ เผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบบ้านเรือนในพื้นที่ 4 บ้านธารมะลิ ต.อัยเยอร์เวง เหตุจากน้ำป่าไหลหลาก มีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย ทั้งหลัง 2-3 หลัง และเสียหายบางส่วน ประมาณ 10 หลัง ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งสำรวจเพิ่มเติม
ทั้งยังพบว่ามีเศษไม้ต่างๆ ไหลมาทับบ้านเรือนของประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ได้ประสานทางอำเภอ และ อบต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีแนวทางในการช่วยเหลืออยู่ ในเบื้องต้นได้นำเครื่องจักรมาทำการรื้อเศษไม้ที่ไหลมากับน้ำป่า ออกให้หมดในพื้นที่ก่อน
จากนั้น ให้ทางท้องถิ่น อบต. ทำการสำรวจความเสียหายทั้งหมด ตามอำนาจหน้าที่ของนายก อบต. ซึ่งหากเกินขีดความสามารถ ให้เสนอทางอำเภอ และทางจังหวัด เพื่อเร่งรัดในให้ความช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชน ทั้งที่อยู่อาศัย และด้านอื่น ๆ ซึ่งเหตุน้ำป่าที่เกิดขึ้น ถือเป็นช่วงแรกที่เข้าสู่หน้าฝนในพื้นที่ ดังนั้น ให้ทางผู้ใหญ่บ้าน สำรวจบ้านเรือนจุดเสี่ยงของพี่น้องประชาชน เมื่อเกิดฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ต้องรีบอพยพมาอยู่ในที่ปลอดภัย ป้องกันการสูญเสียในชีวิต
สำหรับผู้ที่เสียชีวิต 1 ราย ทาง ปภ.ได้มีการมอบค่าจัดทำศพ และทางกิ่งกาชาด ได้มอบเงินค่าจัดการศพไปให้ ซึ่งการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มาให้กำลังพี่น้องประชาชน และกำชับในจุดเสี่ยงโดยเหตุน้ำป่าไหลหลากครั้งนี้ ถือว่าหนักในรอบหลายปี ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้น มีซากไม้ไหลลงมาทับบ้านเรือนพี่น้องประชาชน ได้รับความเสียหาย ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ พี่น้องประชาชนปลูกทุเรียน
พืชเชิงเดี่ยวเมื่อปลูกในที่สูง ไม่มีอะไรยึดหน้าดิน เมื่อฝนตกหนักต่อเนื่อง ดินชุ่มน้ำจนเกิดการไสด์ลงมาสร้างความเสียหาย ดังนั้น ที่เหล่านี้ ต้องมีการปลูกพืชที่มีการรักษาหน้าดิน ทั้งหญ้าแฝก เพื่อป้องกันในอนาคต
จากนั้น ผู้ว่าฯ ยะลาและคณะ ได้ติดตามความเสียหาย ที่โรงเรียนบ้านธารมะลิ ซึ่งโรงอาหารได้รับความเสียหายจากน้ำไหลทะลักกำแพง และถนนในหมู่บ้าน หมู่ที่ 4 บ้านธารมะลิ ถูกน้ำกัดเซาะได้รับความเสียหาย 1 จุด ซึ่งแขวงทางหลวง และทางหลวงชนบท ได้นำเครื่องจักร ทำการขุดพร้อมทั้งวางแนวท่อน้ำลอด และทำการเปิดเส้นทางเพื่อให้ประชาชนในหมู่บ้านสัญจรได้พร้อมเดินทางไปติดตามเหตุน้ำไหลหลากที่ถนนทางหลวงแผ่นดินสาย 410 ยะลา – เบตง บริเวณ กม.38 หมู่ที่ 6 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง ซึ่งขณะนี้ พบว่าน้ำทะลักไหลลงมาจากที่สูง ลงสู่เส้นทางถนน ทางเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวง ได้นำรถแบคโฮ และเครื่องจักรเพื่อเปิดเส้นให้รถได้สัญจรได้ พร้อมทั้งประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอเบตง เร่งดำเนินการ
ขณะที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ตชด. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ผู้ว่าฯ ยะลา ยังได้เดินทางลงพื้นที่ หมู่ที่ 3 บ้านกระป๋อง ต.แม่หวาด อ.ธารโต ติดตามอุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก บ้านเรือนได้รับความเสียหาย จำนวน 35 ครัวเรือน ได้รับความเสียหายรุนแรง 8 ครัวเรือน ไม่รุนแรง 27 ครัวเรือน พร้อมทั้งสำรวจความเสียหาย มอบเงิน สิ่งของช่วยเหลือ สร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบและเดินทางต่อไปเยี่ยมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก (ในเขตเทศบาลตำบลคอกช้าง) ประกอบด้วย 1. นางสีสุดา สมาแอ บ้านเลขที่ 23/1 ถ.เทศบาล 4 ได้รับความเสียหาย 30% สมาชิกในครัวเรือน 17 คน (ไม่ได้ย้าย
ออกจากบ้าน) 2. นายสมชาย แซ่ซิ้ม บ้านเลขที่ 25 ถ.เทศบาล 4 ได้รับความเสียหาย 60% สมาชิกในครัวเรือน 5 คน (ไม่ได้ย้ายออกจากบ้าน) และ 3.นางเพลิน หวังเหมรา บ้านเลขที่ 23 ถ.เทศบาล 4 ได้รับความเสียหาย 30% สมาชิกในครัวเรือน 3 คน (ไม่ได้ย้ายออกจากบ้าน)
ทั้งนี้ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา สรุปข้อมูลสถานการณ์อุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินสไลด์ ตั้งแต่วันที่ 11-13 ตุลาคม 2567 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 2 อำเภอ (อำเภอเบตง และอำเภอธารโต ) 6 ตำบล 21 หมู่บ้าน 1 ชุมชน ผู้ได้รับผลกระทบ 155 ครัวเรือน 499 คน บ้านเรือนได้รับความเสียหาน 12 หลัง (อำเภอเบตง 2 หลัง อำเภอธารโต 1 หลัง) อพยพ 12 ครัวเรือน 60 คน เสาไฟฟ้าเสียหาย 11 ต้น ถนน 3 สาย สะพาน 2 แห่ง สะพานเหล็ก 2 แห่ง และดินสไลด์ 21 จุด เสียชีวิต 1 ราย ในพื้นที่ หมู่ที่ 4 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง เหตุน้ำกัดเซาะ บ้านเรือน ทำให้บ้านพังทับผู้เสียชีวิต