Home » ข่าว » ‘สุพิศ’ถึงเพื่อนนึก-เพื่อนหมอกจากเด็กช่างสู่ผู้บริหารระดับสูง

‘สุพิศ’ถึงเพื่อนนึก-เพื่อนหมอกจากเด็กช่างสู่ผู้บริหารระดับสูง

อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร แหลงถึงผู้ว่าฯสมนึก-ผู้ว่าฯอำพล เป็นเพื่อนกันมา 40 ปี จากเด็กช่างไฟ-ช่างยนต์ ไต่เต้าสู่ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์วันนี้ เชื่อมั่น “เพื่อนนึก-เพื่อนหมอก” นักปกครองที่ดี

นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้สัมภาษณ์ ื“ภาคใต้โฟกัส” ย้อนอดีตวันวานและความผูกพันในฐานะเพื่อนของนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และ นายอำพล พงศ์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาว่า เริ่มจากผู้ว่าฯสมนึก พรหมเขียวก่อน ผมสนิทกันตอนเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ช่างไฟ เขาเรียนเทคนิค ผมก็เรียนเทคนิค แต่ผมเรียนช่างยนต์ เขาเรียนช่างไฟ
ก็คบกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525-2526 จนกระทั่งจบ ปวช.เขาก็ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และจบ 3 ปีครึ่ง สาขารัฐศาสตร์การฑูต ผมจำได้ พอจบเขาก็สอบเป็นปลัดอำเภอได้เลย แล้วเขา
ก็ไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ นั่นคือชีวิตการทำงานของเขา “ระหว่างผมกับสมนึก คบกันตั้งแต่สมัยเรียน ปวช. เขาเรียนช่างไฟ ผมเรียนช่างยนต์ไปมาหาสู่เป็นเพื่อนกัน คลุกคลีตีโมง สมนึก ไปเที่ยวบ้านผม ผมไปเที่ยวบ้านสมนึก ผมก็ไปเก็บขี้ยาง สมนึก ตัดยาง ตอนหัวรุ่ง ผมก็เก็บขี้ยาง ไปเก็บลูกเรียนกินกันเสาร์-อาทิตย์” แล้วจนกระทั่งว่าได้ทำงาน ก็แยกย้ายกันไป แต่ว่าความเป็นเพื่อนก็ยังไปมาหาสู่กัน คลุกคลีตีโมงกัน กินเหล้า สูบยา ไปเที่ยวเฮฮากันตลอด จนกระทั่งมาเป็นรองผู้ว่าฯ มาเป็นผู้ว่าฯ ตามลำดับ


“นี่คือระหว่างผู้ว่าฯสมนึกกับผม” ต่อมาก็ผู้ว่าฯอำพล พงศ์สุวรรณ ก็เหมือนกันในชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ว่าฯอำพล สมัยเด็ก สมัยเรียนก็เหมือนกับผู้ว่าฯสมนึก ก็คบกันมาอย่างนี้ ทั้งผู้ว่าฯสมนึก และผู้ว่าฯอำพล
แต่ผู้ว่าฯอำพล อาจจะใกล้ชิดกับผมมากกว่า ผู้ว่าฯสมนึกสักนิด เพราะว่าช่วงรับราชการ ผู้ว่าฯอำพล จะอยู่สงขลาเสียมากกว่า หัวหน้าสำนักงานจังหวัด แล้วก็มีโอกาสที่จะไปมาหาสู่กัน
ผู้ว่าฯสมนึก เขาไปอยู่ปัตตานี เขาไปอยู่ที่ไกล ๆ ก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ นอกจากเสาร์-อาทิตย์ ก็มาเจอกัน แต่ผู้ว่าฯอำพล จะเจอกันบ่อย เพราะว่าลูก เมีย ก็สนิทกัน มีงานมีการก็เที่ยวเฮฮาปาร์ตี้กัน “40 ปี ที่เราเป็นเพื่อนกัน แล้วก็ไม่เคยห่างกันเลยทั้งผู้ว่าฯสมนึก และผู้ว่าฯอำพล”
ฉะนั้น ถามว่าผมกับผู้ว่าฯอำพล กับผู้ว่าฯสมนึก นั้น ก็เหมือนคน ๆ เดียวกัน เกือบทุกมิติ แล้วในชีวิต รับราชการ ต่างคนก็ต่างเติบโตในสายงานมาพร้อม ๆ กันหมด
“ผมก็ไต่เต้ามาจาก ซี. 1 เติบโตมาจาก ซี 1 มาเรื่อย ๆ จนมาเป็นผู้บริหารเป็น ซี 10 ผู้ว่าฯอำพล ก็เติบโตเต้ามาจาก ซี 1 เหมือนกัน ผู้ว่าฯอำพล เขาไปสอบ กพ.แล้วก็ติดเป็นช่างสื่อสารของกระทรวงมหาดไทย”
ซึ่งเขาก็ไต่เต้ามาจาก ซี 1 ผู้ว่าฯอำพล แล้วเขาก็ไปเรียนต่อยอดทางรัฐศาสตร์ทางกฎหมาย แล้วก็เปลี่ยนมาไลน์เป็นนักวิเคราะห์แผนและนโยบายของสำนักงานจังหวัด


เส้นทางการเติบโตในราชการท่านผู้ว่าฯสมนึก ผู้ว่าฯอำพล และก็ผมเอง ก็ไต่เต้ามาคนละ 8-9 ปีทั้งนั้น ผมก็มาเป็นรองอธิบดี มาเป็นอธิบดี ผู้ว่าฯอำพลก็เป็นมาทุก ๆ หน้า่ที่แล้ว
บุคลิกและสไตล์การทำงานของทั้งผู้ว่าฯสมนึกและผู้ว่าฯอำพลนั้น สำหรับท่านผู้ว่าฯสมนึก เป็นคนตรงไปตรงมา อย่างยิ่ง อะไรที่ไม่ชอบก็ไม่เอาด้วยไม่ต้องให้ใครไปพูด ไม่ต้องให้ใครไปขอ เพราะว่าไม่ชอบ ก็คือไม่ชอบเลย ถ้าไม่ถูกต้องก็ไม่ต้องมาพูด จะให้เทวดามาพูดผู้ว่าฯสมนึกก็ไม่เอาด้วย
“เพราะฉะนั้น ผู้ว่าฯสมนึก นี่ทำงานกับท่านนั้นง่าย เพราะว่าท่านเป็นคนตรงไปตรงมา แล้วตงฉิน
ด้วย และเขาแบบสมถะมาตลอดผู้ว่าฯสมนึก เรื่องที่ไม่ถูกต้องนี่ไม่ต้องไปพูดกับเขา อันนี้เขาไม่เอาเลย โดยเฉพาะผู้ว่าฯสมนึก”
ส่วนผู้ว่าฯอำพล เขาอาจจะเป็นคนอะลุ้มอล่วยบ้าง แต่ว่าถ้าไม่ถูกต้องก็ไม่ทำเหมือนกัน แล้วก็เขาเองก็เป็นคนที่ไม่ค่อยฝักไฝ่การเมือง ซึ่งผู้ว่าฯทั้งสองท่านเป็นคนที่ดีหมดกับคนทุกภาคส่วน ไม่หมกมุ่นการเมือง ไม่อยู่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เป็นกลางทางการเมืองมาโดยตลอด ฉะนั้น จะสังเกตุได้ว่าพอเขามีโอกาสเติบโต เขาก็จะไม่มีปัญหากับทางฝ่ายการเมืองเลยแม้แต่นิดเดียว


“การที่ผู้ว่าฯสมนึกมาเป็นผู้ว่าฯสงขลา ผมว่าจริง ๆ แล้ว เป็นเรื่องราวที่น่าชื่นชมอยู่ประเด็นหนึ่งก็คืออย่างน้อยก็เป็นศักดิ์เป็นศรีของผู้ว่าฯสมนึกเองและวงศ์ตระกูล”
ที่ไปเล่าเรียนหนังสือมาแล้วเติบโตในชีวิตราชการมาเรื่อย ๆ จนเป็นผู้บริหารระดับสูงของจังหวัด เป็นเบอร์ 1 ของจังหวัด แล้วกลับมาเกษียณที่บ้านเกิด ก็ถือว่ามาสร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวเองและวงศ์ตระกูล
“คนสงขลาจะได้เห็นตัวอย่างที่ดีสำหรับความเป็นนักปกครอง ผมเชื่อมั่นในตัวผู้ว่าฯสมนึกว่าเขาเป็นนักปกครองที่ดี”
คนสงขลาก็จะได้เห็นเป็นตัวอย่าง เพื่อคนรุ่นหลังจะได้เอาแบบอย่าง ผมคิดอย่างนี้ เพราะผมรู้จักนิสัยเขาดีมาก ส่วนผู้ว่าฯอำพลนั้น เป็นเรื่องราวที่โชคดี และเป็นคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ซึ่งผู้ว่าฯสมนึก ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นเรื่องบ้านเมือง ประโยชน์ส่วนรวม ผู้ว่าฯสมนึก เขาอะไรก็ได้ แต่ถ้าเกิดเป็นประโยชน์ที่มีอะไรแอบแฝง เขาจะเป็นคนแข็งมาก แล้วเขาเป็นคนไม่ค่อยอ่อนข้อให้ใคร ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *