Home » ข่าว » รมว.กลาโหมเยี่ยมทหารจชต.บูรณาการแก้ปัญหานำสันติสุขสู่ปชช.

รมว.กลาโหมเยี่ยมทหารจชต.บูรณาการแก้ปัญหานำสันติสุขสู่ปชช.

รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานด้านความมั่นคง บูรณาการขับเคลื่อนแก้ปัญหา นำสันติสุขสู่ประชาชนชายแดนภาคใต้

13 พ.ย. 66 ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อตรวจติดตามงานด้านความมั่นคงและการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ โดยมี พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4,


พลโท ปราโมทย์ พรหมอินทร์ แม่ทัพน้อยที่ 4/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4ส่วนหน้า มีผู้บังคับบัญชา, ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ, ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ให้การต้อนรับ พร้อมนำรมว.กลาโหม ตรวจเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ ของกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 152 เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจการฝึกทหารใหม่ ผลัดที่ 2/2566
โดยมี พันเอก สิทธิศักดิ์ เจนบรรจง ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 152 และกำลังพลให้การต้อนรับ พร้อมนำคณะฯ เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่หน่วยฝึกและทหารใหม่อย่างไม่เป็นทางการ เพื่อคลายความกังวลและเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับน้องคนเล็กของครอบครัวกองทัพบก ซึ่งทหารกองประจำการทุกนายได้ผ่านกรรมวิธีรับทหารใหม่ อาทิ การทำประวัติ, การตรวจร่างกายและคัดกรองโรค, การประเมินสุขภาพจิต, การแจกจ่ายเครื่องแต่งกายประจำตัว และแนะนำช่องทางการติดต่อกับครอบครัวระหว่างการฝึก
ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการฝึก ก่อนเข้าสู่การฝึกทหารใหม่เบื้องต้น ระยะเวลา 6 สัปดาห์ เพื่อปรับสภาพจากพลเรือนสู่การเป็นทหารกองประจำการอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งด้านร่างกาย ระเบียบวินัยทางทหาร มีความรับผิดชอบ เสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว เพื่อความผาสุกของประชาชนและรักในสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
จากนั้น รมว.กลาโหม ได้มอบแนวทางให้หน่วยฝึกทหารใหม่ดูแลใส่ใจทหารใหม่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้หน่วยฝึกพัฒนาระบบการฝึกให้ทันสมัยสอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน เหมาะสมกับสภาพสังคมในปัจจุบัน และดำเนินการฝึกจากเบาไปหาหนัก
ที่สำคัญต้องได้สุขภาพที่ดี ทานอาหารดีตรงตามเวลา ออกกำลังกาย และห่างไกลยาเสพติดทุกชนิด พร้อมขอความร่วมมือทหารใหม่ ประชาสัมพันธ์เชิญชวนเพื่อน พี่ น้อง และญาติสมัครใจเข้ารับใช้ชาติ รับใช้แผ่นดิน ย้ำหน่วยฝึกทหารใหม่แนะนำเกี่ยวกับการศึกษาต่อที่สูงขึ้น เพื่อทหารกองประจำการ ได้ต่อยอดและเปิดโอกาสก้าวสู่การเป็นทหารอาชีพในอนาคต อีกทั้งพิจารณาสภาพความพร้อมของร่างกายทหารใหม่เป็นรายบุคคล และดูแลการแต่งกายให้เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อม เพื่อไม่เกิดการสูญเสียในระหว่างการฝึก


ขณะเดียวกัน รมว.กลาโหม และคณะฯ ยังได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ด้านการข่าวและแนวโน้ม ภารกิจ การจัดและการปฏิบัติงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ประจำปีงบประมาณ 2567 พร้อมรับฟังปัญหา ข้อขัดข้อง ข้อเสนอแนะ จากผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ, หัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ, ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า รายงานสถานการณ์ภาพรวมและการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่
พลโท ศานติ ศกุนตนาค เผยว่า สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยืดเยื้อมากว่า 19 ปี เกิดจากการกระทำของกลุ่มขบวนการที่ใช้ความรุนแรงด้วยการลอบยิงลอบวางระเบิด ทั้งต่อเจ้าหน้าที่รัฐ บุคลากรทาง
การศึกษา ผู้นำศาสนา และพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ ทั้งยังทำลายระบบสาธารณูปโภค ภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม ในพื้นที่อย่างกว้างขวาง
“รัฐบาลได้น้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอพอเพียงมาเป็นแนวทางหลักในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ภายใต้กรอบนโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างหลักประกัน สร้างความเชื่อมั่น นำความสงบสุข กลับคืนสู่พี่น้องประชาชนได้ใช้ชีวิตปกติสุขบนพื้นฐานความหลากหลายของสังคมพหุวัฒนธรรม เพื่อสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืน” พลโท ศานติ กล่าว และว่า
การดำเนินงานที่ผ่านมา สามารถสร้างความเข้าใจ สร้างหลักประกันความเชื่อมั่น ด้วยการมีส่วนร่วมแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งอย่างสันติวิธี สร้างสภาวะแวดล้อมที่เกื้อกูล หนุนเสริมกระบวนการพูดคุย ยืนยันในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ตลอดจนข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมปฏิบัติหน้าที่ตอบสนองต่อนโยบายและข้อสั่งการของรัฐบาลอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อความมั่นคงของชาติและประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนชาวไทยตลอดไป
โอกาสนี้ นายสุทิน คลังแสง กล่าวว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นหน่วยงานสำคัญ ที่ขับเคลื่อนแผนบูรณาการกับทุกส่วนราชการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาความความรุนแรง การช่วยเหลือ บรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งยามปกติ และภัยคุกคามที่มีความซับซ้อน ตามกรอบแนวทางแผนปฏิบัติการด้านการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พุทธศักราช 2566 – 2570
“ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมมีความตั้งใจรับทราบปัญหาข้อขัดข้องที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน จะได้หาทางแก้ไขร่วมกัน เพื่อการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นายสุทิน กล่าว
ก่อนที่เดินทางไปยัง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง และการก่อสร้างรั้วความมั่นคงอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งติดตามการแก้ไขปัญหาหินสไลด์ฝั่งมาเลเซีย ตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมพื้นที่ชายแดน ตามแผนงานโครงการก่อสร้างรั้วชายแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อตรวจเยี่ยมสถานที่ในการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดระเบียบชายแดน พร้อมรับฟังรายงานสรุปการดำเนินงานดังกล่าว ณ จุดก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง บ้านแฆแบะ ต.นานาค อ.ตากใบ โดย พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชา
การกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส, หัวหน้าส่วนราชการ, ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นและประชาชนร่วมให้การต้อนรับ


โดยโครงการฯ ดังกล่าวได้ดำเนินการส่งมอบงานเรียบร้อยแล้ว ขณะที่การก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโก-ลก ดำเนินการแล้วร้อยละ 27.80 ซึ่งมีความล่าช้า เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้ขนย้ายวัสดุก่อสร้างเข้าในพื้นที่ยากลำบาก แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในภาพรวมแต่อย่างใด
ส่วนการแก้ไขปัญหาหินสไลด์ฝั่งมาเลเซีย ปัจจุบันกองบังคับการควบคุม สุริโยทัย ได้กำกับดูแลและประสานงานกับทางมาเลเซียเข้าดำเนินการแก้ไขเป็นระยะ ซึ่งมีความคืบหน้าประมาณร้อยละ 80 และล่วงเลยเวลาที่ตกลงกัน ทางหน่วยจึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปตามสายบังคับบัญชาแล้ว
โดย นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำว่าภาพรวมที่ได้รับทราบจากการรายงานความคืบหน้าโครงการดังกล่าวฯ ทำให้มีความสบายใจ มั่นใจ ทุกส่วนราชการสามารถดำเนินงานได้ดี มีความสมบูรณ์ ส่วนรั้วความมั่นคงเล็กทรอนิกส์ ถือว่ามีความสำคัญเพราะจะช่วยเสริมความมั่นคงในพื้นที่สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงภัยคุกคามทุกรูปแบบได้อย่างทันท่วงที
อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดระเบียบชายแดน โดยโครงการฯ ดังกล่าว
มีความสำคัญยิ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมพื้นที่ชายแดน เพื่อป้องกัน สกัดกั้น ยับยั้งการลักลอบขนย้าย อาวุธ ยาเสพติด แรงงานต่างด้าว สิ่งผิดกฎหมายต่างๆ และการคัดกรองบุคคล ตลอดจนพัฒนาระบบบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีเอกภาพ มุ่งเน้นให้พื้นที่ชายแดนมีความมั่นคงปลอดภัย สนับสนุน
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจบริเวณชายแดน อีกทั้งรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีเป้าหมายลดเหตุความรุนแรง ความสูญเสียในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *