สงขลา -นายกสมาคมการค้าผู้จัดงานกีฬามวลชนไทย ผู้จัดงานวิ่ง “Hatyai 21” ฮาร์ฟมาราธอน 18 มิถุนายนนี้ เชื่อมั่นความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน เผยดันขึ้นชั้นงานวิ่งระดับโลกภายใน 3-5 ปี เป้าหมายขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ของจังหวัดสงลาสู่การดึงงานเทศกาลระดับนานาชาติ (Festival Economy)
นายรัฐ จิโรจน์วณิชกร นายกสมาคมการค้าผู้จัดงานกีฬามวลชนไทย เปิดเผย “ผู้สื่อข่าว” ผู้ดำเนินการจัดงานวิ่ง “Hatyai 21” ฮาร์ฟมาราธอน วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2566 นี้ ว่า
จัดงานในกลุ่มบางแสนมา 10 ปี ซึ่งจะมีงานวิ่งระดับโลกอยู่ 3 งานด้วยกัน เห็นว่าหาดใหญ่เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่เหมาะกับโมเดล ที่เราเรียกว่า สปอร์ต์ทัวริซึ่ม คือการนำกีฬามาฟื้นการท่องเที่ยว
“ผมเกิดและโตที่หาดใหญ่ ก็เลยลองมาพูดคุยกับทางพื้นที่ดูว่า สนใจที่ทำงานสเกลระดับโลกในพื้นที่หาดใหญ่มั๊ย เพราะถ้าทำพื้นที่จะต้องให้ความร่วมมือเยอะ”
และได้พูดคุยกับทางดร.ทรงสิน ธีระกุลพิสุทธิ์ ผู้อำนวยการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการจังหวัดสงขลา ช่วยกันปั้นโครงการนี้ขึ้นมาเรื่อย ๆ
นายรัฐ กล่าวว่า โนว์ฮาว (ความรู้เชิงขั้นตอน) ในการทำงานระดับโลกเรามั่นใจว่าเราทำได้แน่ แต่ว่างานระดับโลกนอกจากมาตรฐานการจัดการอะไรต่าง ๆ แล้ว
สิ่งสำคัญมาก ๆ ก็คือ ความร่วมมือของเมือง ของภาคประชาชน ซึ่งจากที่ได้เข้ามาทำงานประมาณ 1 เดือนเศษ ในช่วงท้าย ของการทำงานค่อนข้างมั่นใจว่าหาดใหญ่
ทีมภาคราชการ ทีมภาคเอกชน ให้ความร่วมมือสูงมาก บอกได้เลยว่าน่าจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยจังหวัดอื่น ๆที่เคย ไปทำงานมาในหลาย ๆ ที่ ทั่วประเทศ ถือเป็นจุดแข่งอันหนึ่งก็ว่าได้
“ภาคเอกชนที่ไปคุย เขาก็อยากให้ความร่วมมือ สนับสนุน และยื่นมือเข้ามาร่วมด้วย ภาคราชการก็เรียกว่ามีความสามัคคีกันช่วยกันคนไม้คนมือ ถ้าเป็นแบบนี้ไม่เกิน 3 ปี 5 ปีขึ้นแท่นเป็นงานท็อปของประเทศแน่นอน”
สำหรับเส้นทางการเดินของงานวิ่ง “Hatyai 21” ที่จะก้าวไปสู่งานวิงระดับโลกนั้น ในปีแรกตั้งใจว่าอยากจะให้เป็นปีของการทดสอบทุกอย่าง
เช่น อยากจะรู้การปิดการจราจรเป็นอย่างไร ความร่วมมือของภาคเอกชน ของภาครัฐที่บอกว่าจะให้ความร่วมมือนั้นเมื่อถึงวันจริงเป็นอย่างไร ซึ่งหลังจากจบงานจะนำไปสรุปในที่ประชุมกัน
“พอจบงานเราก็ตั้งใจว่าจะเอาเรื่องนี้ไปสรุปในที่ประชุมให้ฟังว่า ข้อไหนโอเค ข้อไหนดีมาก ข้อไหนยังพัฒนา ข้อไหนต้องปรับปรุงอะไร หน่วยของใคร”
โดยในปีแรกคาดว่าจะจัดงานให้มีนักวิ่งเข้าร่วมประมาณ 2,000 คน ซึ่งตอนนี้ก็ได้ตัวมาเรียบร้อยแล้ว ปีที่ 2 ก็ตั้งใจว่าจากทำทุกอย่างพร้อมแล้ว ถ้ามั่นใจตัวเลขผลักขึ้นไม่ยาก 5,000 คน 8,000 คนได้
เนื่องจากหาดใหญ่ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในการรองรับนักวิ่งต่างถิ่นขนาดใหญ่พร้อมมาก เพราะว่าด้านการคมนาคมพร้อมมาก มีสนามบิน มีชุมทางรถไฟ มีรถทัวร์ เป็นเมืองศูนย์กลางของภาคใต้
ต่อมาก็คือทางด้านโรงแรมที่พัก ซึ่งหาดใหญ่มีห้องพักเป็น 10,000 ห้อง ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากังวล และเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารต่าง ๆ มีความคุ้นชินกับการรองรับนักวิ่งต่างถิ่นหรือนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นการขยายสเกลงานไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเลย และมีโนว์ฮาว ในการนำงานวิ่งขึ้นสู่ระดับโลก ถ้าทุกอย่างนิ่ง เราจะใช้เวลาไม่เกิน 3 ปี 5 ปี ก็สามารถผลักเป็นงานระดับโลกได้เลย
นายรัฐ กล่าวต่อว่า เมื่องานวิ่ง “Hatyai 21” เดินไปสู่เป้าหมายเป็นงานวิ่งระดับโลก สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาสำหรับเมืองหาดใหญ่ ซึ่งงานวิ่ง “Hatyai 21” ที่ทำเป็นงานวิ่งระยะเดียว ระยะ 21 กิโลเมตร
ซึ่งแน่นอนว่าถ้าตัวเลขคนมาร่วมงาน 10,000 คน ก็ต้องเป็นคนต่างถิ่นมากถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ เนื่องคนหาดใหญ่ สงขลา ที่วิ่งระยะ 21 กิโลเมตรได้ ไม่ได้มีจำนวนมาก
เพราะฉะนั้นในลักษณะของการที่นักวิ่งที่เป็นนักท่องเที่ยวเชิงกีฬาที่เดินทางมาเขาจะมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อน ๆ และครอบครัว แต่หากพื้นที่ ๆ จัดงานมีแรงดึงดูดพอ
ก็จะทำให้เขาอยู่ในพื้นที่มากกว่า 1 คืน อยู่มากกว่า 2 วัน ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นการที่เขามาเขาก็จะพักโรงแรมดี รับประทานอาหารอร่อย อาหารชื่อดังของเมืองได้
เพราะฉะนั้นโมเดลที่เราเห็นในเมืองใหญ่ ๆ ของโลก หรือไม่ว่าจะเป็นงานวิ่งที่บางแสน ชลบุรี เองก็คือมีการใช้จ่ายในระดับที่สูงกว่านักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นที่เข้าสู่พื้นที่
“แต่ละที่มากัน เรียกว่าอีก 2.5 คน จะสามารถสร้างเศรษฐกิจให้กับพื้นที่ได้อย่างมหาศาล”
นอกจากนี้ ถ้างานวิ่ง “Hatyai 21” เป็นงานระดับโลก ไม่ใช่เฉพาะแค่นักวิ่งเพียงอย่างเดียว แต่จะมีกิจกรรมอื่น ๆ เข้ามาด้วย เช่น งานประชุม งานแสดงสินค้าที่ซื้อขายสินค้าด้านกีฬา ซึ่งสามารถพ่วงไปกับการจัดงานได้ด้วย ก็จะทำให้เมืองหาดใหญ่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รวมถึงเป็นเมืองที่จะถูกพูดถึงในกลุ่มงานวิ่งขนาดใหญ่ในภูมิภาคนี้มากขึ้น จะทำให้มีนักท่องเที่ยวที่เชื่อว่าคนกลุ่มคนเหล่านี้ไม่เคยคิดหรือไม่เคยวางแผนที่จะมาหาดใหญ่ จะต้องมาให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นการนำนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ๆ เข้าสู่พื้นที่
สำหรับงานวิ่งระดับโลกของบางแสน ชลบุรี 3 งาน ในปีที่ประสบความสำเร็จเป็นงานระดับโลกเรียบร้อยแล้ว ตัวเลขคนที่เข้ามา อยากจะมาร่วมกิจกรรมเยอะมาก
“เรามีใบสมัครเข้ามาร่วมกิจกรรมถึง 45,000 ใบ แต่เราต้องใช้วิธีการจับสลากว่าใครจะโชคดี จำนวน 12,000 คน แล้วค่อยกลับมาชำระเงิน”
จึงเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ของวงการวิ่ง เพราะทุกคอยากจะมาร่วม และมาแล้วก็มีผู้ติดตาม มีครอบครัวมา ซึ่งจากการเก็บข้อมูลเชิงวิจัยก็พบว่า มีเงินสะพัดจากงานวิ่งระดับโลกของบางแสนอยู่ในพื้นที่ในช่วงที่เราจัด 3 งานเฉลี่ยงานหนึ่งก็ประมาณ 500 ล้านบาท ก็ถือว่าเป็นอะไรที่สร้างเม็ดเงินให้กับท้องที่อย่างดี
และเม็ดเงินดังกล่าว น่าสนใจก็คือกระจายไปยังวงกว้างมาก ไม่ได้กระจุดอยู่ที่กลุ่มทุนใดกลุ่มทุนหนึ่ง หรือธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง เพราะว่าโรงแรมก็หลายหลายเจ้าของ ร้านอาหาร ตรงนี้เป็นภาพที่ผมเชื่อว่าหาดใหญ่มีความพร้อมมาก
“เรามีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานพร้อมมาก เพียงแต่ว่าเราอาจจะไปบวกกับพวกเทศกาลระดับโลก ครั้งนี้เราใช้เทศกาลงานวิ่ง เป็นงานวิ่งที่มีมาตรฐานระดับสูง มีพลังพอที่จะดึงคนที่อยู่ไกล ๆ ดึงคนที่ไม่เคยรู้จักหาดใหญ่เข้ามา”
ฉะนั้น จึงอยากจะได้ความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกันของเมือง เพราะงานวิ่งระดับโลกทั้งหลาย ประชาชนจะออกมาชื่นชม มาดู แล้วก็หลาย ๆ เมืองก็ออกมาส่งเสียงเชียร์ มาให้กำลังใจ มาเป็นส่วนหนึ่งของงาน
ซึ่งอยากจะเห็นภาพนี้ที่หาดใหญ่ เพราะหากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เร็วตั้งแต่ปีแรกการจัด เกิดขึ้นได้แรงตั้งแต่ปีแรกเชื่อว่างานนี้จะติดท็อปของประเทศและไม่นานจะขึ้นสู่ท็อปของระดับอาเซี่ยน
โดยสิ่งที่อยากจะขอจากคนพื้นที่ คนหาดใหญ่ก็คือ อยากให้ช่วงสัปดาห์ที่จัดการแข่งขัน ซึ่งจะมีนักวิ่งหรือนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นเข้ามา
ก็ช่วยกันให้การต้อนรับ เช่น ติดป้ายบ้าง สอบถาม ซึ่งเชื่อว่าคนหาดใหญ่ต้อนรับแขกเก่งอยู่แล้ว เพียงแต่ให้รู้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าภาพที่ดี เป็นเจ้าบ้านที่น่ารัก
“อยากจะเชิญชวนชาวหาดใหญ่ที่มีบ้าน หรือ บริษัท ที่อยู่ในเส้นทางวิ่งของงาน “Hatyai 21” ออกมาติดป้ายต้อนรับ ส่งกองเชียร์ออกมา มาร่วม มาสนุกกัน มาดูกันว่านักวิ่งทำไมต้องวิ่งกันตั้งแต่เช้า”
ซึ่งการวิ่งระยะ 21 กิโลเมตร เป็นอะไรที่สนุกมาก แล้วเชื่อว่าหลาย ๆ เมื่อเห็นแล้ว ปีถัด ๆ ไป อยากจะสนุก อยากจะมาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมกิจกรรม มาร่วมวิ่งกันด้วย ก็จะทำให้เมืองแข็งแรงขึ้น ทำให้ทุกคนมีสุขภาพดีขึ้น มีเศรษฐกิจดีขึ้น
นายรัฐ กล่าวถึงการเตรียมงานวิ่ง “Hatyai 21” ว่า ตอนนี้ตนและทีมงานต้องลงไปหาดใหญ่เรียกกว่า เกือบทุก 2 สัปดาห์ เพื่อไปพูดคุยกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ภาคประชาชน
ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี และก็มีความคืบหน้าโดยลำดับ และเชื่อว่าเราจะสามารถจัดงานครั้งแรกได้ตามวัตถุประสงค์ แล้วหลาย ๆ น่าจะทำได้ดีกว่าที่ตั้งเป้าไว้ด้วยซ้ำ