คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด(กอจ.)สงขลา ปี พ.ศ. 2566 – 2572 จำนวน 30 คน จากการเลือกตั้งโดย “อิหม่าม” ทั้งจังหวัด เมื่อ 27 พ.ย. ได้เลือกประธาน และกรรมการตำแหน่งต่าง ๆ 4 ธ.ค.66 ภายใต้การนำของ “ฮัจญีศักดิ์กรียา” สม้ยที่ 3 พร้อมรองฯ ทั้ง 5 คน
“ภาคใต้โฟกัส” ถือโอกาสร่วมแสดงความยินดีและพูดคุยถึงแนวทางการทำงานกับ “ฮัจญีศักดิ์กรียา บิลแสละ” ประธานกอจ.สงขลา ณ สำนักงานกอจ.สงขลา
“ผมเป็นประธานกอจ.สงขลามา 2 สมัยรวม 12 ปี สมัยแรกเมื่อปี 2553 ครั้งนี้เป็นสมัยที่ 3 เห็นว่าคณะกรรมการทั้งหมดร่วมงานกันด้วยความเป็นพี่น้อง ตามพระดำรัสของพระองค์ ว่าให้ยึดมั่นในสายเชือกของพระองค์ร่วมกันและอย่ามีความแตกแยกกัน ได้จัดสรรงานและตำแหน่งอย่างลงตัว” ฮัจญีศักดิ์กรียา กล่าว และว่า
เมื่อก่อนที่ทำงานของกอจ.ต้องร่อนเร่ไป แต่เมื่อเราทำงานติดต่อกันมาเป็นวาระที่ 3 ก็มีความต่อเนื่อง ตามนโยบายที่วางไว้
สำนักงานกอจ.สงขลา รวมทั้งมัสยิดกลางฯ มีพื้นที่รวมกว่า 60 ไร่ เราได้ทำการบริหารจัดการปรับปรุงโครงสร้าง พัฒนาพื้นที่อยู่ตลอดเวลา มูลค่าของสำนักงานฯในวันนี้นับพันล้านบาท
“เราสร้างอาคารมัสยิดเป็นแบบทัชมาฮาลของเมืองไทย ตอนนี้เสร็จไปประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ และต้องมีการปรับปรุง บูรณะซ่อมแซมอยู่เสมอเนื่องจากเริ่มมีส่วนที่ชำรุดทรุดโทรม”งบประมาณส่วนนี้ได้รับการบริจาคจากคณะกรรมการ อิหม่ามมัสยิด และห้างร้านต่างๆ
ขณะนี้ประมาณ 7-8 ล้านบาท เพื่อให้ความสะดวกกับพี่น้องประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างศาสนิกด้วย ทั้งในและต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย บรูไน เวียดนาม อินโดนีเซีย “ยิ่งโดยเฉพาะวันหยุดจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาสม่ำเสมอ บางวัน 10-20 รถทัวร์ ซึ่งเราเองพยายามให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้มากที่สุด และมีบางส่วนก็มาเยี่ยมหลุมศพของท่านอดีตจุฬาราชมนตรี”
ฮัจญีศักดิ์กรียา กล่าวว่า งานหลักๆ ของ กอจ.สงขลา มีตั้งแต่การแต่งตั้ง ถอดถอนอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด งานบริหารภายใน งานดูแลปรับปรุงมัสยิดกลาง งานบริการฝ่ายต่างๆ เช่น ฝ่ายประนีประนอมข้อพิพาท ที่มีอยู่ทุกวัน ปัญหาหย่าร้างที่เพิ่มมากขึ้นจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การขาดความพร้อม คนหนุ่มสาวมีปัญหายาเสพติด ฯลฯ
ฝ่ายกิจการฮาลาลที่ดูแลเรื่องสินค้า-อาหารที่ได้ตราฮาลาล ซึ่งผลประโยชน์ส่วนใหญ่ก็เป็นของเจ้าของกิจการ
ฝ่ายกิจการสมรส ที่ให้บริการเฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 10 คู่
“ส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซีย โดยปัจจุบัน 80 เปอร์เซ็นต์จะเป็นบ่าวสาวที่เดินทางมาจากมาเลเซียทั้งคู่ ต่างจากในอดีตที่เจ้าสาวมักเป็นคนไทย” ซึ่งรายได้หลักของสำนักงานฯโดยส่วนใหญ่จะมาจากค่าธรรมเนียมการให้บริการต่างๆ เช่น การสมรส กิจการฮาลาลบ้าง ซึ่งก็ไม่มากและอื่นๆ โดยไม่ได้มีเงินอุดหนุนจากรัฐ“หลายคนเข้าใจว่าสำนักงานกอจ.ได้รับเงินอุดหนุนประจำจากรัฐบาล และมีการพูดกันโดยไม่รู้ สำนักงานเรามีเจ้าหน้าที่ 20 กว่าคน ก็ใช้เงินจาก
ส่วนที่เป็นรายได้จากค่าธรรมเนียมต่างๆ เดือนละ 2-3 แสนบาท ค่าน้ำค่าไฟอีกหลายหมื่น ก็ใช้เงินจากส่วนนี้”
บางเดือนก็ได้ไม่พอ เพราะเรารอให้บริการเท่านั้น ตอนโควิดฯ เราจ่ายเงินเดือนพนักงานเหลือคนละ 2,000-3,000 บาท เพื่อให้ผ่านวิกฤตืไปก่อน ซึ่งรายได้จากการสมรสคนที่มาจากมาเลเซียถือเป็นรายได้หลักอย่างหนึ่ง และอีกเล็กน้อยจากกิจการฮาลาล อีกส่วนก็จะได้จากการทำโครงการเสนอไปยังหน่วยงานต่าง ๆ เช่น เสนอโครงการไปยังอบจ.สงขลาบ้าง หรือโครงการของศอ.บต.บ้าง
ประเด็นที่มีการพูดถึงความเปลี่ยนแปลงโดยอยากให้สำนักงานหรือกอจ.มีความเป็นสมัยใหม่
ฮัจญีศักดิ์กรียา บอกว่า เราเองกำลังปรับโครงสร้าง หลังการคัดสรรกอจ.เมื่อ 27 พ.ย. 66 ซึ่งเราได้คณะกรรมการทั้งเก่าและคนใหม่เข้ามาบ้างเหมือนกัน พยายามปรับไปตามสภาพสังคมปัจจุบัน แต่ก็เห็นว่าความคิดอ่านบางครั้งคนเก่าหรือคนรุ่นใหม่ก็อาจไม่ต่างกันหรือดีกว่ากัน
“ท่านรอซูล(ซล.)เองท่านไม่ได้มีตำแหน่งทางการศึกษามากมาย แต่ท่านก็มีความรอบรู้ที่ยิ่งใหญ่มาก” ประธาน กอจ.สงขลา กล่าว และว่าปัญหาของสังคมมุสลิมส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องเศรษฐกิจ ในภาพรวมก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องสร้างความเข้าใจในหมู่พี่น้องมุสลิม ตักเตือนกันในแนวทางสันติ ใช้การคุฏบะฮ์เพื่อสร้างความสมานฉันท์ ปัญหาใหญ่อีกเรื่องคือ ยาเสพติด ซึ่งเราเองได้พูดคุยเสนอแนะกับเจ้าหน้าที่ๆ ดูแลเรื่องนี้อยู่ ทั้งตำรวจและหน่วยงานความมั่นคง ซึ่ง ท่านสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ท่านก็เอาใจใส่กับเรื่องนี้ ลงทุกพื้นที่ทุกอำเภอเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด “ขอเรียนกับพี่น้องมุสลิม พี่น้องพุทธและพี่น้อง คริสต์ว่า เราอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจซึ่งกันและกันมาแต่ไหนแต่ไร ในความเป็นพหุวัฒนธรรม ตามขอบเขตความเชื่อของแต่ละบุคคล สิ่งเหล่านี้เราได้นำเสนอไปกับคณะกรรมการของเราที่อยู่ในแต่ละอำเภอ แต่ละพื้นที่ของจังหวัด” ฮัจญีศักดิ์กรียา กล่าว