สำนักข่าวโฟกัส
สมชาย สามารถ
สงขลา – ชาวบ้านตำบลทุ่งขมิ้น อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงลา ร้องสงขลาโฟกัส ได้ผลกระทบเรื่องกลิ่นจากฟาร์มหมูในพื้นที่ มาเป็นเวลานาน มึนเจ้าของฟาร์มนั่งเป็นคณะกรรมการแก้ปัญหา ตั้งมาเป็นเวลา 6 เดือนแล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้า เผยอาจต้องพึ่งศาลปกครองเป็นคำตอบสุดท้าย
ดร.ไพบูลย์ นวลนิล ผู้ได้รับผลกระทบจากฟาร์มเลี้ยงสุกร หมู่ 7 ตำบลทุ่งขมิ้น อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา ได้ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า ได้รับความเดือนร้อนเรื่องกลิ่นจากฟาร์มสุกรรุนแรงมากขึ้น โดยกลิ่นกระจายข้ามหมู่บ้านไปยังหมู่บ้านใกล้เคียง
“ตอนนี้แทบไม่ต้องเปิดประตู หน้าต่างกันแล้ว เพราะกลิ่นรุนแรงมากขึ้น จากเดิมที่มีอยู่แล้วกว่า20ปี ปัจจุบันกลิ่นรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากมีการขยายการเลี้ยงสุกรเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ไม่สามารถเลี้ยงในพื้นที่อื่น ๆ ได้ ทางเจ้าของฟาร์มจึงได้มาขยายการเลี้ยงเพิ่มที่นี่”
ดร.ไพบูลย์ กล่าวและว่า เหตุที่จะต้องมีการร้องเรียนผ่านสื่อเนื่องจากที่ผ่านมาแม้มีการร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งท้องถิ่น ท้องที่ แต่ทุกอย่างก็ไม่อะไรดีขึ้น จึงต้องมีการร้องผ่านสื่อ แม้ว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากฟาร์มหมู
แต่คณะกรรมการชุดนี้ไปเน้นเรื่องผลกระทบน้ำเสียจากฟาร์ม เนื่องจากมีการปล่อยน้ำเสียลงคลอง แต่ปัญหาเรื่องกลิ่นไม่ได้รับการแก้ไขเลย ซึ่งเรื่องน้ำเสียน้ำทิ้งกับเรื่องกลิ่นมันคนละประเด็นกัน
“เวลาลงพื้นที่ไปติดตาม ก็ไปติดตามเฉพาะเรื่องน้ำเสีย น้ำทิ้ง แต่เรื่องกลิ่นไมได้รับการแก้ไข ตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์ก็มีมากมายหลายข้อ มันมี แต่ไม่ได้มีการพูดถึงปัญหาเรื่องกลิ่นที่มันรุนแรงมากขึ้นกันเลย หน่วยงานในพื้นที่ก็ไม่รู้เรื่อง ปศุสัตว์ก็ไม่พูด ไม่จี้”
และสำคัญคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาก็มีตัวแทนจากฟาร์มที่เป็นจำเลยมาเป็นกรรมการด้วย ก็คือไปเอาเจ้าของฟาร์มหมูมาเป็นกรรมการด้วย ผมถามว่าในที่ประชุมใครจะกล้าพูดเรื่องปัญหา ก็คือองค์ประกอบของกรรมการเกิดแล้วที่เอาจำเลยมาเป็นกรรมการ
คณะกรรมการแก้ปัญหาประชุมเสร็จแล้วต้องทำเรื่องถึงเจ้าของฟาร์มหมูให้แก้ปัญหาตามมติของคณะกรรมการฯ ไม่ใช่เอาเจ้าของฟาร์มหมูมานั่งอยู่ในคณะกรรมการฯ เพราะท้ายที่สุดผู้บริหารท้องถิ่น ท้องที่ ใครจะกล้าพูดปัญหาต่อหน้าเจ้าของฟาร์มหมู
“เมื่อปัญหาเรื่องกลิ่น 2-3 วันจะมีเกิดขึ้น แต่ตอนนี้มาทุกวัน ๆ ละ 3 เวลา เข้า เที่ยง เย็น เนื่องจากมีการขยายฟาร์มขึ้นมาเรื่อย ๆ เนื่องจากอยู่ที่อื่นไม่ได้ มีคนไล่ แต่พอมาที่นี่ไม่มีคนไล่ ก็มาขยายที่นี่ พอขยายเพิ่มขึ้น ปัญหาเรื่องกลิ่น เรื่องน้ำเสียก็เพิ่มขึ้น ในพื้นที่แก้ปัญหากันไม่ได้”
ดร.ไพบูลย์ กล่าวและว่า ตอนนี้รู้สึกสิ้นหวังกับการแก้ปัญหา คณะกรรมการฯตั้งมา 6 เดือนแล้วยังไม่มีผลอะไรในทางปฏิบัติสำหรับการแก้ปัญหา เพราะทำงานกันแบบลูบหน้าปะจมูก ไม่รู้อนาคต ไม่มีความหวัง บ้านผมรับเต็ม ๆ เพราะอยู่ใกล้ฟาร์มหมู
“ตอนน้ำกำลังนั่งคิดว่าอาจจะถ้าคณะกรรมการฯแก้ปัญหาให้ไม่ได้ ให้เวลาแล้วยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ก็ต้องไปพึ่งศาลปกครอง ฟ้องศาลปกครอง แต่ความจริงอำนาจอยู่ที่ อบต. ซึ่งมีอำนาจในการต่ออายุการประกอบการได้หรือไม่ ตอนเรื่องยังคาราคาซังยังปัญหาไม่ได้ ต่ออายุไม่ได้ ก็ลากยาวไปอีก”
โดยแนวโน้มในการสั่งปิดนั้นเชื่อว่า อบต.ไม่กล้าสั่งปิด ซึ่งผมจะติดตามว่าจะเอายังไง ถ้าไม่เช่นนั้นก็ฟ้องศาลปกครองให้มีคำสั่งปิดหรือสั่งให้ต้องแก้ไข ถ้าไม่ได้ก็คือปิด ก็คือต้องให้ศาลปกครองสั่ง อบต.อีกที ซึ่งแนวทางมันต้องไปอย่างนั้นถ้าหากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
และเท่าที่ทราบมาก็คือฟาร์มดังกล่าวเจ้าของเป็นนักธุรกิจชาวมาเลเซียที่เข้ามาลงทุนแล้วสร้างความเดือนร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ก็ต้องได้รับการแก้ไข ไม่ใช่ปล่อยให้ปัญหาเป็นอยู่อย่างนี้ต่อไป จึงต้องออกมาเรียกร้องและส่งเสียงดัง ๆ ว่าอย่าปล่อยให้ปัญหานี้เป็นปัญหาเรื้อรังอีกต่อไป