หนังสือพิมพ์ภูมิภาค รายสัปดาห์ ของคนใต้ วันที่ 19 – 25 กุมภาพันธ์ 2567 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1,323
การเปิดตัวทีมผู้บริหารและผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลนครหาดใหญ่ “ทีมปลัดแป้น” นายณรงค์พร ณ พัทลุง อดีตปลัดจังหวัดสงขลา เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา
เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่จะเกิดขึ้นกลางปีหน้า (2568)
“ตอนนี้ทีมรองนายกและทีมผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลทั้ง 4 เขตมีครบหมดแล้ว มีอดีตประธานสภาฯและอดีตรองประธานสภาฯ และอดีตสท.ทีม ดร.ไพร พัฒโน เป็นการผสมผสานกันระหว่างคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่า”
และไม่ใช่เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ แต่เป็นคนที่รุ่นเก่าที่อยากสร้างเมืองเช่น อดีต สท.บางท่านก็ส่งลูกหลาน เข้ามา ผมต้องการทำการเมืองสมัยใหม่ โดยที่มีคนรุ่นเก่าสนับสนุน ฉะนั้นส่วนใหญ่จึงเป็นคนรุ่นใหม่
“การทำการเมืองแบบใหม่ต้องเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่ญาติพี่น้องอย่างเดียว แต่จะเลือกคนที่มีความรู้เข้ามา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนหาดใหญ่”
สำหรับการเปิดตัวครั้งนี้เป้าหมายชัดคือต้องการทำงานการเมืองท้องถิ่น เราจะไม่ไปพูดถึงการเมืองระดับชาติ เราไม่พูดถึงการเมืองระดับประเทศ
แต่เป้าหมายของผมก็คือเราจะทำอะไรให้กับบ้านเรา ผมเป็นคนหาดใหญ่ เรียนอนุบาลตั้งแต่โรงเรียนพลวิทยา และโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย บ้านผมอยู่ที่นี่
“ผมอยู่หาดใหญ่ในมาทั้งชีวิต เกษียณผมก็นั่งอยู่ข้างถนนหาดใหญ่ใน ถ้าได้รับความไว้จากใจจากพี่น้องประชาชนก็พร้อมทำงาน แต่ถ้าไม่ได้รับความไว้วางใจก็เข้าสวน”
เพราะครั้งนี้หากไม่ได้รับความไว้จากใจจากประชาชนก็จะขอยุติ เลิกไม่ลงอักแล้ว เพราะหมดเวลาแล้ว สำหรับสนามการเมืองท้องถิ่นของผม
สำหรับการตัดสินลงสมัครเลือกตั้งนายกเทศมตรีนครหาดใหญ่ครั้งนี้ เป็นความตั้งใจที่จะลงสมัคร และบอกผู้ใหญ่ว่าผมจะลงสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่
“มีผู้ใหญ่หลายพรรคจะส่งสมัครส.ส.ที่ผ่านมา ผมก็บอกว่าผมจะรอลงสมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ เพราะส.ส.เป็นเรื่องของระดับประเทศ แต่ผมต้องการลงท้องถิ่นเพื่อพัฒนาบ้านเรา”
ถามว่าปัจจุบันเทศบาลนครหาดใหญ่มีการพัฒนาไปถึงไหนแล้ว ลองไปดูเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เทศบาลนครภูเก็ต เทศบาลนครยะลา เขาพัฒนาไปถึงไหนกันแล้ว
มีการพัฒนาทั้งโครงการสร้างพื้นฐาน ถนนหนทาง สวัสดิการ โรงพยาบาล โรงเรียน ทำอะไรหลาย ๆ อย่างเช่น ของเราตอนนี้เด็กที่จบ ป.6 ยังไม่รู้จะไปเรียนที่ไหน เป็นต้น ไม่มีที่เรียน ต้องไป กศน.
หรือแม้แต่กระทั่งเมรุเผาศพผู้ยากไร้หรือผู้ที่มีรายได้น้อยที่ประสบปัญหาไม่มีเงินจ่าย แล้วทำไมเราไม่สร้างเมรุเผาศพเหมือนกับเทศบาลนครยะลา เผาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
โรงพยาบาลของเทศบาลนครนครศรีธรรมราชมีมาเป็น20ปี แล้วทำไมเทศบาลนครหาดใหญ่จะไม่สามารถมีสิ่งเหล่านี้สำหรับพี่น้องประชาชนของเราหรือ
“ปกติเขามีทนายความขอแรง แต่ผมคิดว่าผมจะทำพระขอแรง เมื่อเรามีเมรุผมจะนิมนต์พระขอแรงมาสวดฟรี เผาฟรี หาดใหญ่เรามีสถานที่พร้อมสำหรับการทำเมรุเผาศพฟรี”
ฉะนั้นสิ่งที่จะทำหากได้รับความไว้วางใจหลัก ๆ ก็คือ โรงเรียนเทศบาลต้องให้เด็กได้เรียน ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งควรจะมีได้แล้ว ณ วันนี้ผู้ป่วยติดเตียงมีทุกซอย
สร้างเมรุเผาศพฟรี แก้ปัญหาผู้ที่มีรายได้น้อยหรือไม่มีเงินสำหรับการเผาศพ โรงพยาบาลที่จะดูแลผู้ป่วย โรงพยาบาลสัตว์ที่จะมาดูแลสุนัข แมว จรจัด
สวนธารณะสำหรับการออกกำลังกายที่จะต้องมีเจ้าหน้าที่มาดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวก เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถมาใช้บริการจนถึงเที่ยงคืน
สนามกีฬากลาง (จิระนคร)จะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันสำหรับการออกกำลังกาย มีฟิตเนส ห้องน้ำต้องสะอาด เป็นการบริการขั้นพื้นฐานที่เทศบาลนครหาดใหญ่ต้องดำเนินการให้กับประชาชน
การดูแลถนน คู คลอง ทั้งหมด เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์คุ้มค่าที่สุด เช่นการปิดฝาคลองทำตลาด ปิดฝาคลองทำที่จอดรถ เพิ่มที่จอดรถ น้ำในคลองเตยต้องสะอาด
“ต้องดันน้ำจากคลองอู่ตะเภา เพื่อทำให้น้ำในคลองเตยสะอาด ขยะต้องไม่มี ยุงต้องฉีด ไฟต้องสว่าง บ้านเมืองสะอาด ประชาชนมีความสุข”
ส่วนประเด็นที่ว่าเทศบาลนครหาดใหญ่มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณสำหรับการลงทุนนั้น เราต้องเริ่มจากการประหยัดงบประมาณบางอย่างที่ไม่จำเป็น
เช่นงบประมาณสำหรับการศึกษาดูงานซึ่งต้องใช้งบประมาณทุกปี ๆ ละประมาณ 50-60 ล้านบาท เราประหยัดตรงนี้แล้วนำงบประมาณดังกล่าวมาสร้างโรงพยาบาลเทศบาลนครหาดใหญ่ได้มั๊ย
งบประมาณสำหรับการซ่อมแซมปีละประมาณ 60-70 ล้านบาท เขาขายรถเก่าแล้วเปลี่ยนมาเช่าแทนได้มั๊ย ฉะนั้นหากเรามีนโยบายรัดเข็มขัดเพื่อนำงบประมาณมาใช้สำหรับการพัฒนา
“ส่วนไหนที่อ้วนก็ต้องลด เพื่อนำมาพัฒนาสิ่งที่จำเป็นพื้นฐานก่อน เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน หรืออะไรต่าง ๆ ข้อจำกัดเรื่องงบประมาณเพื่อการพัฒนาสามารถแก้ได้”
ในขณะเดียวกันก็มาดูเรื่องจุดอ่อนในการจัดเก็บภาษีเราก็ต้องไปดูเพื่อเพิ่มรายได้ ตรงไหนที่เป็นงบประมาณที่เราใช้ที่เป็นการใช้ฟุ่มเฟือยเราก็ต้องลดบางอย่างที่ไม่จำเป็น
ส่วนสังกัดพรรคการเมืองหรือไม่นั้น ในขั้นนี้ยังไม่อยากพูดถึงการสังกัดพรรคการเมืองก่อน เป็นเรื่องของอนาคต หากพรรคการเมืองเขาเห็นว่าแนวทางของเราตรงกันไปกันก็ไม่ปฏิเสธ
แต่เบื้องต้น ณ วันนี้ผมเปิดตัวอิสระ เนื่องจากเป็นความตั้งใจแล้วว่า ยังไงก็จะต้องลงสมัครเลือกตั้งนายกเทศมตรีนครหาดใหญ่ เพื่อพัฒนาบ้านเกิด แม้ไม่มีพรรคการเมืองสนับสนุนก็ตาม
“แพ้ก็จบเลิก แพ้คือเสมอตัว เราสู้ในนามของคนท้องถิ่น เราคนหาดใหญ่แพ้ก็จบ พอแล้วไม่เอาแล้ว เข้าสวนทำสวน แต่ถ้าคนหาดใหญ่เลือกเรา เราก็ได้ทำงาน ที่สำคัญเราไม่เป็นนอมินีของใคร”
ผมทำงานทำด้วยตัวเอง เราไม่มีใครมาสั่งการเราได้ ถ้าเราอยากทำอะไรเราก็ทำ ซึ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมาผมได้คะแนน 15,000 คะแนน ส่วนทีมที่เข้ามามีอยู่ 11,000 คะแนน
ถ้าหากมารวมกันก็จะได้ 26,000 คะแนน และถ้าเกิดประชาชนเขาไม่เอาทีมที่ชนะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาประมาณแค่ 5,000 คะแนน เราก็มีโอกาส