กงสุลใหญ่ฯหนุนเส้นทางเมืองมรดกโลก “รัชฏา จิวลัย” กงสุลใหญ่ไทยประจำรัฐปีนัง นำนักธุรกิจปีนังเชื่อมการท่องเที่ยวสงขลา-ปีนัง เตรียมพร้อมยกระดับเส้นทางท่องเที่ยวเมืองมรดกโลก
คือวันที่ถือเป็นความสำคัญของเมืองสงขลา กับการที่จังหวัดสงขลาได้ตั้งใจที่จะเชื่อมการท่องเที่ยวเส้นทางของเมืองมรดกโลก ด้วยเหตุผลจากอดีตที่ผ่านมา เมืองปีนังของประเทศมาเลเซียกับเมืองสงขลา ก็จะมีนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสองเมืองนี้ในแต่ละปีนั้นไม่ต่างกันมากนัก แต่หลังจากที่เมืองปีนังได้พัฒนายกระดับให้เป็นเมืองมรดกโลก เป็นผลให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างเดินทางมาเยือนมาท่องเที่ยวที่เมืองปีนังมากถึงปีละไม่ต่ำกว่า 12 ล้านคน
จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกภาคส่วนของเมืองสงขลาตั้งใจที่จะยกระดับเมืองสงขลาให้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้ได้เป็นเมืองมรดกโลกด้วย ด้วยเหตุผลที่ว่านักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นในหลายเท่าของเมืองปีนัง เกิดจากนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวในเส้นทางของเมืองมรดกโลก และจะเคลื่อนต่อมาที่เมืองสงขลาในทันทีที่สงขลาได้เป็นเมืองมรดกโลก
และคาดหวังว่าการเคลื่อนที่ของนักท่องเที่ยวจากปีนังมายังสงขลาที่เป็นจำนวนมากเป็นสิบล้านคนนั้น จะทำให้ด่านที่เชื่อมการเดินทางบริเวณชายแดนไทยกับเมืองปีนังประเทศมาเลเซียที่มีระยะห่างกันไม่เกิน 125 กม. จะสามารถเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวของทุกจังหวัดชายแดนใต้ให้ได้เป็นเมืองต้อนรับผู้คนจากทั่วโลกที่จะเคลื่อนจากปีนังมายังสงขลา อาทิ ด่านที่อยู่ตรงบริเวณจังหวัดสตูล นักท่องเที่ยวเมื่อผ่านเข้ามายังประเทศไทยแล้วก็จะได้ท่องเที่ยวที่จังหวัดสตูล จังหวัดพัทลุงก่อน นักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านจากด่านชายแดนอำเภอเบตง ก็จะผ่านมาแวะเที่ยวจังหวัดยะลา
ในขณะที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าด่านชายแดนของจังหวัดนราธิวาส ก็จะแวะเที่ยวจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานีก่อนที่มาถึงสงขลา ให้สงขลาได้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในจังหวัดชายแดนใต้ แล้วเมื่อเที่ยวสงขลาแล้วก็อาจจะเชื่อมโยกการท่องเที่ยวต่อไปยังนครศรีธรรมราช จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดกระบี่ พังงาจนไปถึงภูเก็ต ก็เป็นเรื่องที่จะเป็นไปได้ เพราะแหล่งท่องเที่ยวบนฝั่งอันดามันของประเทศไทยเป็นที่สนใจและเดินทางมาท่องเทึ่ยวของต่างชาติกันอยู่แล้ว จะได้มีจำนวนนักท่องเที่ยวได้เพิ่มมากขึ้น
จากแนวความคิดนี้จึงทำให้จังหวัดสงขลาจึงได้ตั้งใจที่จะเชื่อมเส้นทางท่องเที่ยวโดยสนับสนุนให้ผู้ที่เดินทางมาเที่ยวสงขลาจากทั่วประเทศไทยได้เดินทางต่อไปเที่ยวยังเมืองปีนังที่สามารถเดินทางไปเช้ากลับเย็นหรือจะพักค้างกันตามแต่ความต้องการที่สามารถจะทำได้ และยังเชื่อมโยงเส้นทางให้นักท่องเที่ยวของประเทศมาเลเซียได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย ที่ทุกวันนี้ทั้ง 2 ประเทศต่างก็ทำกันอย่างเต็มที่ทั้งเดินทางมาด้วยรถบัสประจำทางและรถยนต์ส่วนตัวจอดให้ได้เห็นอยู่เป็นจำนวนมากทั้งเมืองหาดใหญ่และเมืองสงขลา
จนมาถึงวันนี้หน่วยราชการของประเทศไทยที่เป็นตัวแทนในการทำหน้าที่กงสุลใหญ่ของประเทศไทยที่ทำหน้าที่อยู่ที่เมืองปีนัง คือ นายรัชฏา จิวลัย ถือเป็นกงสุลใหญ่ของไทยที่ได้ทำหน้าที่เพื่อประเทศไทยได้อย่างเต็มที่และดีเยี่ยม คือ ได้นำบรรดานักธุรกิจตลอดจนผู้ที่ทำหน้าที่ในการดูแลเมืองมรดกโลกปีนัง ให้ได้เดินทางมาดูเมืองสงขลา ดูสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมืองสงขลา ทั้งเรื่องราวของธรรมชาติ อาหารการกิน โดยท่านกงสุลใหญ่นายรัชฏา จิวลัย ได้ทำหน้าที่ร่วมเป็นล่ามบรรยายเรื่องสงขลาด้วยตัวเอง อย่างตั้งใจจนเป็นที่ประทับใจ และตั้งใจจะนำมาอีกอย่างต่อเนื่อง
คือเรื่องราวที่ถือเป็นความสำเร็จของการเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีของบ้านพี่เมืองน้อง ระหว่างประเทศไทยและมาเลเซียได้เป็นอย่างดี คือ ความสวยงามที่ต้องของคุณท่านกงสุนใหญ่ไทยประจำรัฐปีนัง เป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นการเตรียมพร้อมที่จะเชื่อมการท่องเที่ยวระดับเส้นทางท่องเที่ยวเมืองมรดกโลก ที่ประเทศไทยจะได้ประโยชน์อย่างมหาศาลหากสงขลาได้รับการขึ้นทะเบียนให้ได้เป็นเมืองมรดกโลก
วันนี้สงขลาได้เดินหน้าหน้าถึงการกำหนดวันเวลาที่ประเทศไทยจะส่งเอกสารเบื้องต้นให้ทาง ยูเนสโก้ ได้รับและบรรจุสงขลาไว้ในบัญชีเบื้องต้นเมืองที่ขอขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกให้สำเร็จกำหนดไว้ในช่วงเวลาไม่เกินเดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2567 ที่ในเวลานี้ทางมูลนิธิสงขลาสู่มรดกโลก โดยนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ประธานมูลนิธิสงขลาสู่มรดกโลก อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้ลงนามในสัญญาว่าจ้างนักวิชาการที่เป็นผู้รับผิดชอบในการเตรียมเอกสารเบื้องต้น ซึ่งมีคณะทำงานที่เป็นนักวิชาการถึง 4 คณะ เป็นที่เรียบร้อยในทุกคณะแล้ว ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณของบริษัท ปตท.สผ.
คอลัมน์สงขลาสู่มรดกโลกขอนำความก้าวหน้าของโครงการและการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวของสงขลาและปีนังมาบันทึก และรายงานให้ทุกท่านได้รับทราบในฉบับนี้โดยทั่วกัน