นายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เปิดเผยกรณีใบอนุญาตโรงแรม รีสอร์ท ที่พัก เกาะหลีเป๊ะว่า ขณะนี้เจ้าของพื้นที่ได้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาประกอบธุรกิจโรงแรมโดยที่ไม่รับอนุญาต ที่พนักงานสอบสวนแล้ว
“ทางฝ่ายปกครองในพื้นที่เป็นคนดำเนินการแจ้งความ พนักงานสอบสวนก็มีการสอบสวนว่ามีความผิดจริงตามบทกฎหมายหรือไม่ อยู่ระหว่างการดำเนินการ เนื่องจากมีหลากหลายที่รวมแล้วเป็น 100 ราย หรือจะเรียกว่าเกือบทักหมด เนื่องจากในพื้นที่กฎหมายไม่ได้เปิดช่องให้ประกอบธุรกิจโรงแรมได้”
ส่วนที่ไม่ผิดกฎหมายอื่น ก็ยังดำเนินการ แต่มีบางส่วนที่มีความผิดชัดเจนในกฎหมายอื่นคือ ไปรุกล้ำพื้นที่ของอุทยานฯเขา ตรงนี้ต้องรื้อ ต้องหยุดกิจการ แต่ที่ดำเนินการในพื้นที่ ๆ มีเอกสารสิทธิ ยังเปิดให้บริการอยู่
จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ข้อมูลว่ามีผลกระทบเกิดขึ้นอย่างไร แต่เท่าที่รับรู้รับทราบก็นความกังวลของผู้ประกอบการ แล้วก็พยายามให้ช่วยหาช่องทางที่จะผ่อนคลายปัญหาให้ โดยเขาบอกว่าเขาก็ไม่ใช่เป็นอาชญากรหรืออาชญากรรมที่ไหน
และการประกอบการของเขาก็ในช่องที่เขาเสียภาษีได้ อีกทั้ง การประกอบการของเขาก็นำมาซึ่งรายได้กับการท่องเที่ยวในภาพรวม ซึ่งก็ถือว่าเป็นรายได้หลักของจังหวัด ฉะนั้น สิ่งที่ทางจังหวัดจะนำเสนอคณะกรรมการแก้ไขปัญหาคือ เรียนให้ท่านได้ทราบว่า การบังคับใช้กฎหมายอาจจะไม่เป็นผลดีในช่วงเวลานี้ เนื่องจากยังไม่มีทางออกให้เขา
“เราก็อยู่ในกระบวนการแก้กฎหมายอยู่ ถ้าหากว่ามันจะต้องเลยเถิดไปถึงต้องรื้อ ต้องทุน ต้องทิ้ง ระบบเศรษฐกิจตรงนี้ก็จะพัง แล้วมันก็เชื่อมโยงกันหลายมิติ” รองผู้ว่าฯ สตูล กล่าว และว่า
การประกอบการแต่ละที่ ก็จะมีหลายครอบครัวของคนบนเกาะเข้ามาทำงาน ในลักษณะเป็นลูกจ้าง ในลักษณะการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเรื่องของการเดินทาง แม้แต่จำนวนผู้ประกอบการที่ใช้เรือเล็กนำนักท่องเที่ยวออกไปดำน้ำ ไปตามเกาะแก่งต่าง ๆ ก็มีเป็น ร้อย ๆ ไม่รวมถึงคนงานในสถานที่ประกอบการต่าง ๆ
“ถ้าต้องหยุด ก็จะกระทบถึงอาชีพ ถึงรายได้ของคนกลุ่มนี้ และระบบโดยรวม ซึ่งเราจะเห็นว่ากิจการตั้งแต่เรือสปีดโป๊ท เรือเล็ก ผู้ประกอบการในพื้นที่ คนงานต่าง ๆ คนบนเกาะส่วนมากก็จะมีอาชีพการงานอยู่ตรงนั้น ใน 1 รายที่เป็นผู้รับจ้างเป็นคนงานก็อาจจะต้องรับผิดชอบคนในครอบครัวมากกว่า 1 คนที่ได้รับผลกระทบ”
รวมถึงผลกระทบถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาแล้ว ถ้าไม่มีที่พักก็อาจจะเป็นปัญหา ซึ่งแนวการนำเสนอจะใช้คำว่า ชะลอการบังคับใช้กฎหมายออกไปก่อนได้หรือเปล่า เพราะว่าจริง ๆ ก็ดำเนินคดีกันไปหมดแล้ว ก็อยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน แต่ว่าเราก็ไม่รู้ว่ามันจะต้องไปถึงขั้น ต้องรื้อ ต้องทุบ อะไรหรือเปล่า
หรือว่าถ้าเราสามารถที่จะรอให้เขาแก้ไขกฎหมายเสร็จแล้วให้สามารถเข้าระบบ เข้ากระขบวนการไปต่อได้เลยอะไรอย่างนี้ ก็จะดีกว่ามั๊ย
สำนักข่าวโฟกัส
สมชาย สามารถ
