สำนักข่าวโฟกัส
สมชาย สามารถ
สงขลา – คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ร่วมกับ หนังสือพิมพ์ภาคใต้โฟกัส/เว็บ/เพจ สงขลาโฟกัส-สมาคมชุมชนสร้างสรรค์และศูนย์การค้าไดอาน่าคอมเพล็กซ์ หาดใหญ่ จัดเสวนา “บทเรียนจากเชียงใหม่…เพื่อลมหายใจของสงขลา”
เวลา 13.40 น. วันที่ 17 พฤษภาคม 2567 ณ Even HaLL ชั้น B ศูนย์การค้าไดอาน่าคอมเพล็กซ์ หาดใหญ่ ถนนศรีภูวนารถ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ร่วมกับ หนังสือพิมพ์ภาคใต้โฟกัส/เว็บ/เพจ สงขลาโฟกัส สมาคมชุมชนสร้างสรรค์ ศูนย์การค้าไดอาน่าคอมเพล็กซ์ หาดใหญ่ จัดเสวนา “บทเรียนจากเชียงใหม่…เพื่อลมหายใจของสงขลา” มีนายสุวิทย์ ตันรัตนากร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา, นายสิทธิศักดิ์ ตันมงคล เลขาธิการสภาเศรษฐกิจหาดใหญ่

นายภูวสิษฎ์ สุกใส บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ภาคใต้โฟกัส/เว็บ/เพจ สงขลาโฟกัส ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานว่า
ตั้งแต่เริ่มต้นการทำสื่อเราไม่ได้แค่เพียงการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อผู้อ่านเท่านั้น แต่เราคิดว่าเราจะเป็นกลไกขับเคลื่อนสังคม นำเสนอจัดกิจกรรมที่เป็นเรื่องราวดี ๆ ที่เป็นประโยชน์กับสังคมอย่างต่อเนื่อง
“เรื่องราวแบบนี้เราก็คิดว่าเป็นหน้าที่ของเราในฐานะคนทำสื่อที่จะจัดให้มีขึ้น แล้วจากวันนี้ไปยังมีอีกกิจกรรมที่เราจะจัดในวันที่ 4 มิถุนายน 2567”

ซึ่งได้รับความกรุณาจากท่านคณะบดีคณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ให้อาจารย์มาเป็นวิทยากรและได้ประสานกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ว่าเราจะมาร่วมกันขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลา ให้เป็นจุดขายทางด้านการท่องเที่ยว ใช้โอกาสวันสิ่งแวดล้อม 4 มิถุนายน มาจัดกิจกรรมกันอีกครั้ง ท่ามกลางในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และกรุงเทพฯ เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ และขณะเดียวกันก็น่าจะเป็นโอกาสของจังหวัดสงขลาบ้านเรา
“เศรษฐกิจหลักของบ้านเรา นอกจากการส่งออกอาหารแปรรูป ยางพารา แล้ว การท่องเที่ยวน่าจะเป็นหัวใจที่สำคัญและเป็นทรัพยากรที่มีต้นทุนต่ำที่สุดที่จะทำรายได้ที่ดีที่สุดให้กับจังหวัด”
เพราะฉะนั้นถ้าการท่องเที่ยวดีก็จะเกิดประโยชน์กับทุกคน และคิดว่าเรื่องเหล่านี้ก็น่าจะเป็นจังหวะที่เราจะช่วยกันขับเคลื่อน แล้วจะเป็นประโยชน์กับทุกคน
ในขณะที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.พลชาติ โชติการ คณะบดีคณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) กล่าวต้อนรับ ในฐานะหน่วยงานร่วมจัดเสวนา ซึ่งจะมาถอดบนเรียนกันว่ามลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นที่เชียงใหม่ จะส่งผลอะไรกับจังหวัดสงขลาของเราบ้าง ไม่ว่าจะเป็นในมุมของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สุขภาวะของประชาชนในพื้นที่ “วันนี้เราได้รับเกียรติจากท่านผู้บริหารศูนย์การค้าไดอาน่าคอมเพล็กซ์ หาดใหญ่ ที่ให้ความอนุเคราะห์สถานที่ ทำให้เรามีสถานที่ในการจัดงานเสวนาในวันนี้ ที่ทำให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย”และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราทุกคนจะร่วมกันพาสงขลาให้ฝ่าฟันมลพิษที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป

ด้านนายประโยชน์ อินทร์ถาวร ประธานมูลนิธิแอนุรักษ์ป่าต้นน้ำจังหวัดสงขลา ประธานกล่าวเปิดงาน ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมในกิจกรรมการเสวนา “บทเรียนจากเชียงใหม่…เพื่อลมหายใจของสงขลา”
ผมเชื่อว่าทุกคนคงทราบว่าเมื่อไม่นานมานี้ เราจะเห็นข่าวจากสื่อต่าง ๆ เห็นว่าจังหวัดทางภาคเหนือ ภาคอีสาน เจอฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก (PM2.5) มารวมตัวเป็นหมอกควันทำให้สามารถบดบังภูเขาเป็นลูกได้ ซึ่งน่าห่วง
เพราะฉะนั้นถามว่าภาคใต้เราก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะดูทีวีเห็นแต่คนใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งโชคที่เกิดสถานการณ์โควิดมาก่อน ทำให้คนส่วนใหญ่ยังติดการใส่หน้ากากอนามัย จึงทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด แต่บริบทของทางภาคใต้ ในนามมูลนิธิแอนุรักษ์ป่าต้นน้ำจังหวัดสงขลา ถ้าท่านนั่งเครื่องบินมาลงที่หาดใหญ่ท่านจะเห็นว่าป่าไม้ของเรามีมากพอสมควร แต่ว่าประเด็นก็คือว่าป่าไม้ที่เขียวขจีอยู่นั้นไม่ใช่ป่าไม้ แต่เป็นสวนยางพารา เพราะฉะนั้นเนื้อแท้จริง ๆ ของป่า ป่าถ้าเราบอกว่าเป็นลมหายใจของสงขลา ก็ถือว่าป่าไม้เป็นสิ่งสำคัญ เป็นลมหายใจของพวกเรา “ตอนนี้มีคนขโมยลมหายใจของเราไปค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ช่วยกันดูแลรักษาป่าไม้ ก็เชื่อว่าอนาคตเราก็คงไม่มีป่าไม้ ไม่มีลมหายใจให้กับลูกหลานในอนาคต”
สำหรับมูลนิธิแอนุรักษ์ป่าต้นน้ำจังหวัดสงขลาทำอะไร มูลนิธิฯก็ทำหน้าที่คือช่วยกันปกป้อง ดูแล รักษา และฟื้นฟู เราพยายามจะปลูกป่าในพื้นที่ แล้วก็ปลุกป่าในใจคน ผมเชื่อว่าป่าสำคัญที่สุดตรงที่ว่าถ้าเราพูดถึงลมหายใจก็คือป่า พูดถึงน้ำก็คือป่า ซึ่งเราจะเห็นว่าป่าต้นน้ำทั้งหมดของสงขลาจะไหลมารวมกันที่คลองอู่ตะเภา มาผลิตน้ำประปาให้กับเรา แล้วเราก็เห็นว่าปัจจุบันบ้านจัดสรรเต็มไปหมด ประปาก็พยายามขยายเขตไปเพื่อให้บริการให้ทั่วถึงกับความเจริญของชุมชน
ประเด็นก็คือว่าถ้าป่ามันลดลงจะเอาน้ำจากไหนในอนาคต ความจริงไม่ใช่หน้าที่ของพวกเรา ถ้ามองแบบเห็นแก่ตัว เราก็บอกว่าเป็นหน้าที่ของภาครัฐ

แต่พอไปดูภาครัฐก็พบว่ามีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะ บุคลากร งบประมาณน้อยมาก เราจึงเข้าใจ เพราะฉะนั้นเราจึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกันดูแลป่าต้นน้ำเพื่อรักษาให้ป่าอยู่คู่กับคนสงขลาอย่างยาวนาน “อยากจะฝากว่าถ้ามีโอกาสก็ช่วยกันที่จะสนับสนุน ดูแลป่าไม้ของพวกเรา หวังว่าในการเสวนาในครั้งคงจะถอดบทเรียนในการขับเคลื่อน การแก้ปัญหามลพิษจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อที่จะรณรงค์ปกป้องไม่ให้จังหวัดสงขลามีปัญหา”
ซึ่งทางภาคใต้เองก็เคยประสับปัญหาฝุ่นละอองที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพราะตอนนั้นถือว่าหนักหนา ตอนนั้นโควิดยังไม่มา เพราะฉะนั้นคนส่วนใหญ่ไม่ใส่หน้ากากอนามัย ก็จะมีอาการเจ็บไข้ไม่สบาย เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็คงจะได้มีบทเรียนจากท่านวิยากรหลาย ๆ ท่าน และเราจะได้มาปกป้องมลพิษทางอากาศเท่าที่เราจะทำได้ และนำจุดเด่นของภูมิอากาศมาเป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลา