คอลัมน์ PSU Alumni Talk ฉบับนี้ แวะมาคุยกับ “พี่เอก” รัตติกูล ปิยะวงศ์วาณิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ในเครือ ปตท. ศิษย์เก่าดีเด่นมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(ม.อ.) ประจำปี 2566 ด้านประสบความสำเร็จในอาชีพหน้าที่การงาน จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ (Neer 19) รหัส 28
“ผมเลือกเอ็นตรงคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.อ. สาขาการไฟฟ้า เป็นคณะเดียวที่เลือกเพราะถนัดทางด้านคำนวณ” พี่เอก เล่าถึงการเข้าศึกษาที่ม.อ. หลังจากจบมัธยมปลายที่โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ส่วนมัธยมต้นเรียนที่พังงา บ้านเกิด
“ความรู้สึกแรกที่เข้าสู่รั้ว ม.อ. รู้สึกสนุกมาก
ชีวิตมหาวิทยาลัยสมัยนั้น มีสีสัน สนุกมากมีเพื่อน
เยอะ เพื่อน ๆ มีความสนิทสนมกันทั้งในคณะและ
ต่างคณะ บรรยากาศหอพักดีมาก เราอยู่ท่ามกลางต้นไม้ และมีกิจกรรมให้ทำตลอด 4 ปี ได้เที่ยว และก็เรียนหนักด้วย”
สิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือ ความรับผิดชอบ มีการเรียนเป็นกลุ่มกับเพื่อนเยอะ ต้องมีความรับผิดชอบตัวเอง ให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษมาก และมาเห็นประโยชน์ว่า จำเป็นต้องใช้จริง ๆ เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน
พี่เอก บอกว่า ใครสอบเอ็นตรงติด ม.อ.ในสมัยนั้นเป็นความภาคภูมิใจอย่างมาก เพราะเป็นสถาบันที่ทุกคนมุ่งมั่นอยากเรียน วันแรกที่เข้ามหาวิทยาลัยก็ต้องไปไหว้พระบิดาก่อนเป็นอันดับแรก แม้กระทั่งวันที่เรียนจบก็พากันไปถ่ายรูปที่พระบิดาเช่นกัน จนปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของภาคใต้
การเข้าเรียนใน ม.อ.อย่างแรกเราต้องศรัทธาในสถาบัน ศรัทธาในวิชาชีพ เรามีความเชื่อมั่นเมื่อจบออกมาเราจะมีความมั่นใจในสถาบันของเรา
หลังจากเรียนจบได้ทำงานเอกชนได้ไม่กี่เดือน ทาง ปตท.เรียกตัวให้เข้าไปทำงาน “วิศวกรบนแท่นเจาะ” ซึ่งต้องทำงานกับต่างชาติ ยอมรับว่าค่อนข้างยาก เพราะไม่ถนัดด้านภาษา แต่อาศัยการฝึกฝนจนทำได้ในที่สุด
“ได้เห็นคุณค่าขณะเรียนวิศวะ ม.อ. ที่อาจารย์ให้อ่านตำราภาษาอังกฤษ เล่มหนา ๆ”
ที่ตัดสินใจทำงานใน ปตท.เพราะตอนเรียนที่ม.อ. คิดว่าอยากทำงานที่มีความท้าทาย วันที่เรียกไปสัมภาษณ์ก็พร้อมที่จะทำงานบนแท่นเจาะ ทั้งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่ไม่คิดว่าเป็นอุปสรรคเพราะเราพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง และเรียนรู้อยู่เสมอ ไม่ยึดติด
อยู่ในกรอบ สามารถทำได้ในทุก ๆ ส่วน ไม่เฉพาะงานไฟฟ้าอย่างเดียว
จากนั้น ได้ย้ายมาบุกเบิกงานที่ขนอม วางท่อแก๊สให้กับโรงไฟฟ้าขนอม ต่อมาย้ายมาอยู่ในส่วนงานสร้างโรงแยกแก๊สที่ขนอม จากตำแหน่งวิศกร
มาเป็น “ผู้จัดการแผนกดูแลบำรุงรักษาโรงแยกแก๊ส” 10 ปี
หลังมีครอบครัวได้ย้ายไปอยู่โครงการสร้างแท่นเจาะที่สิงคโปร์ 2 ปี และวางท่อสร้างแท่นที่ระยอง พร้อมกับโรงแยกแก๊ส และย้ายไปทำงานบุกเบิกและก่อสร้างอีกหลายแหล่ง
“ปตท.มีการปรับเปลี่ยนในหลาย ๆ ส่วน เราต้อง
ปรับตัวอยู่ตลอด ซึ่งก็ได้ทำงานที่ท้าทาย และเราก็เป็นคนที่ยึดหยุ่น พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ เมื่อปตท.เปิดบริษัทพีทีที แอลเอ็มจี เขาก็ให้มาเป็นกรรมการผู้จัดการ ดูแลท่าเรือที่รับแก๊สจากต่างประเทศ”
การทำงานใน ปตท.ได้รับโอกาสมากมายจากการเปลี่ยนแปลงจากการแปรสภาพจากรัฐวิสาหกิจมาเป็นเอกชน เดิมมีกฎระเบียบเยอะ ก็ให้อิสระให้การตัดสินใจมากขึ้น จากองค์กรที่เราไม่รู้จักเลย ทั้งแท่นเจาะ โรงแยกแก๊ส ได้เรียนรู้และทำเองทั้งหมด
“ผมทำงานอยูในปตท. ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 37 เริ่นต้นตั้งแต่การวางท่อ สร้างโรงแยกก๊าซ ต้องจ้างต่างชาติเป็นที่ปรึกษา แต่ตอนนี้เรามีกำลังคนที่พร้อม การสร้างคนทีมของเราเอง”
ประสบการณ์จาก ม.อ.ที่เราอยู่ในหอพัก ทำให้เรามีความรับผิดชอบ มุ่งมั่นในการทำงานเป็นทีม สิ่งเหล่านี้นำมาใช้ในการทำงานจริงได้ เรารับผิดชอบงานจนสำเร็จ
“การกล้าตัดสินใจ มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่ปลูกฝังมาจนปัจจุบันนี้”
ในการทำงาน แน่นอนว่าจะมีเพื่อน ๆ จากหลายสถาบันที่ต้องมาทำงานร่วมกัน ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ การเรียนรู้ และการเข้ากับคนอื่นได้ พร้อมกับความมุ่งมั่นตั้งใจ
“ความสำเร็จในการทำงาน นอกจากเก่งงานแล้ว เราต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เข้ากับผู้อื่นได้ด้วย”
สำหรับ ม.อ.นั้น พี่เอก มองว่าเป็นสถาบันการศึกษาหลักของภาคใต้ อาจารย์หรือบุคลากรมีความมุ่งมั่น มีการส่งเสริมทางด้านการลงทุนและด้านวิชาการ ถือเป็นสิ่งที่ดี
เช่นเดียวกับ ภาคใต้โชคดีที่มีพื้นฐานที่ดี ในอดีตทุกคนมีรายได้จากทรัพยากรต่าง ๆ ทั้งการประมง ยางพารา แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาที่ล่าช้ากว่า
ที่อื่น ยังไม่มีการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมมากนัก ซึ่ง
ปัจจุบันมีอุตสาหกรรมใหม่ที่มีมาตรฐาน มีการควบคุมทุกขั้นตอน รวมถึงการอยู่ร่วมกันกับชุมชน ทำให้คุณภาพชีวิตและรายได้โดยรวมของประชาชนในท้องถิ่นดีขึ้นด้วย
“นอกจากโครงสร้างพื้นฐานที่ภาคใต้ของเราล้าหลังมากแล้ว เราก็ต้องพัฒนาควบคู่ไปกับภาคอุตสาหกรรมด้วย” พี่เอก กล่าว