“พิพัฒน์” ลั่นขอ ส.ส. ทั้ง 9 เขต จะทำให้สงขลาดีขึ้น เปิดตัว “รองรักษ์” เขต 2 “ยีชาย” เขต 9 “ผู้การชาติ” หัวหน้าทีมยุทธศาสตร์ เผยนักท่องเที่ยวเลือก “หาดใหญ่” เป็นเป้าหมายอันดับ 5 ของไทย รุกเปิดตลาดจีน จัดสงกรานต์ทั้งที่หาดใหญ่และเมืองสงขลา พร้อมอีเว้นท์ก่ีฬาต่อเนื่อง ฟื้นรักบี้ 7 คน
18 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 18.00 น. ที่ลานหน้าหอนาฬิกาเทศบาลนครหาดใหญ่ นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมปราศรัยเปิดตัว นายเจษฎาพงศ์ ชูแก้ว หรือ “รองรักษ์” ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เขต 2, นายสมชาย เร่งหลัก หรือ “ยีชาย” ว่าที่ผู้สมัครส.ส. เขต 9 กับ พันเอก สุชาติ จันทรโชติกุล หรือ “ผู้การชาติ” หัวหน้าทีมยุทธศาสตร์จังหวัดสงขลา ที่เพิ่งย้ายจากพรรคสร้างอนาคตไทยมาอยู่พรรคภูมิใจไทย ขณะเดียวกัน นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส. เขต 7 และว่าที่ผู้สมัครจากทุกเขตของจังหวัดสงขลาร่วมปราศรัยบนเวที โดยได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าร่วมฟัง และมาให้กำลังใจกันเป็นจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
จากนั้น นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ ได้กล่าวปราศรัยว่า หากพูดเรื่องการฟื้นเมืองหาดใหญ่ วันนี้ทุก ๆ ท่านคงจะเห็นแล้วว่าหาดใหญ่ไม่มีวันตายและกำลังฟื้นขึ้นมา ซึ่งความสำเร็จเกิดจากชาวหาดใหญ่ทุกคนที่ช่วยกันต่อสู้ให้หาดใหญ่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง และ ในส่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ผ่านมาเราได้ผลักดันให้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เช่น เทศกาลต้อนรับปีใหม่ ตรุษจีน และกิจกรรม Hatyai Side Walk ซึ่งจัดเป็นประจำทุกเดือน อีกทั้ง ขณะนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำลังเตรียมจัดงานสงกรานต์ โดยปีนี้จะจัดทั้งในอำเภอหาดใหญ่เป็น “มิดไนท์สงกรานต์” เช่นที่ผ่านมา และอำเภอเมืองสงขลาเป็น “เทศกาลสงกรานต์” เพื่อขยายพื้นที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและช่างชาติสามารถมาเที่ยวได้ทั้งในเมืองหาดใหญ่และเมืองสงขลา
“กิจกรรมต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวก็ยังต้องดำเนินต่อไป” นายพิพัฒน์ กล่าว และว่า จังหวัดสงขลา ยังมีเรื่องที่จะต้องผลักดันให้เมืองเก่าสงขลาเป็นเมืองมรดกโลก ตนในฐานะที่ดูแล
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมกับกระทรวงวัฒนธรรม พยายามที่จะผลักดันให้เมืองเก่าสงขลา เป็นเมืองมรดกโลก และฟื้นประเพณีเก่า ๆ และวัฒนธรรมอาหารพื้นถิ่นของหาดใหญ่ที่เริ่มหายไป
ขณะเดียวกัน เร็ว ๆ นี้ “มิชลีน” ซึ่งเป็นผู้แนะนําอาหารร้านดัง ๆ ระดับโลกจะเดินทางเข้ามาสำรวจร้านอาหาร เพื่อแนะนำอาหารอร่อยสู่นักท่องเที่ยวทั่วโลก
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบันเมืองหาดใหญ่ ถูกจัดอันดับเป็นเป้าหมายของเมือง 1 ใน 5 สถานที่ในประเทศไทยที่ต้องมาเยือน โดยการโหวตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดนี้ เกิดจากพี่น้องชาวหาดใหญ่ ที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี ดูแลและให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกิดความชื่นชอบ
“ขณะนี้กำลังติดต่อกับสี่เมืองในประเทศจีนเพื่อขอให้ช่วยนำนักท่องเที่ยวเชาเหมาลำมาลงในสนามบินหาดใหญ่ ประมาณ 7-8 พันคน เพราะฉะนั้น เราควรที่จะเก็บโอกาสเหล่านั้น มาไว้สำหรับพี่น้องชาวจังหวัดสงขลา และพี่น้องชาวอำเภอหาดใหญ่” ส่วนการสนับสนุนและผลักดันด้านกีฬา นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการจัดแข่งขันอีสปอร์ต ระดับนานาชาติในหาดใหญ่มาติดต่อกัน 2 ปีติดต่อกัน และยังมีการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด และจะมีการจัดการแข่งขันรักบี้เจ็ดคนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่หายไปหลายปี
“ขณะนี้ได้คุยกับการกีฬาแห่งประเทศไทยให้มาดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นกิจกรรมที่จะฟื้นฟู และทำให้หาดใหญ่ต้องก้าวไปสู่วันข้างหน้าที่ดีขึ้น”
เมื่อปี 2562 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาในจังหวัดสงขลา อำภอหาดใหญ่ ประมาณ 1 – 2 ล้านคน ขณะที่คนไทยเข้ามาเที่ยวประมาณ 4 – 5 ล้านคน รวมทั้งหมดเกือบ 5 – 6 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณหกหมื่นล้านบาท จึงมั่นใจว่า ในปีนี้หาดใหญ่และสงขลา ต้องมีรายได้จากการท่องเที่ยวและการกีฬาไม่น้อยกว่าแปดหมื่นถึงหนึ่งแสนล้านบาท
“สิ่งเหล่านี้ ก็ขอให้ช่วยกัน ในการเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามา ทั้งชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย หรือพี่น้องคนไทยที่มาจากทุก ๆ จังหวัดในประเทศไทย และที่สำคัญก็ขอให้คอยต้อนรับพี่น้องจากประเทศจีนที่จะเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย และในอำเภอหาดใหญ่ด้วย และผมขอยืนยันว่าในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวฯ จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เมืองหาดใหญ่กลับมาเป็นเมืองที่นิยมของนักท่องเที่ยวอีกครั้งอย่างยังยืน”
ที่สำคัญ ขอให้เชื่อว่าพวกเรา “พูดแล้วทำ” ถึงแม้ว่า ปัจจุบันพรรคภูมิใจไทย มี ส.ส. เพียงหนึ่งเดียว ในจังหวัดสงขลา แต่ได้ทำและนำความเปลี่ยนแปลงในจังหวัดสงขลา ซึ่งหากจังหวัดสงขลามีส.ส.พรรคภูมิใจไทยเพิ่มขึ้น จังหวัดสงขลาจะมีโอกาสมากกว่านี้
“ผมไม่ได้ขอมากครับ ผมขอยกทั้ง 9 เขต” นายพิพัฒน์ กล่าวนายพิพัฒน์ ได้กล่าวแนะนำ พันเอก สุชาติ จันทร์โชติกุลว่า ตนรู้สึกยินดีที่ได้ “ผู้การชาติ” เข้ามาร่วมกับพรรคภูมิใจไทยในการกำหนดยุทธศาสตร์การเลือกตั้งในจังหวัดสงขลาเพื่อให้ได้ส.ส.ทั้ง 9 เขต ตามเป้าหมายที่วางไว้
ขณะที่ ผู้การชาติ กล่าวว่า ตลอดระนะเวลาที่ผ่านมาหลายปี ตนมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานด้านการเมืองมาตลอด ซึ่งเคยผ่านตำแหน่งสำคัญมาหลายตำแหน่ง
“วันนี้สาเหตุที่ตนมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากคิดว่าหากจะเป็นนักการเมืองต้องนำสิ่งดี ๆ ให้กับประชาชน ดังนั้น ตนจึงตัดสินใจมาร่วมกับพรรคภูมิใจไทย เพราะพรรคภูมิใจไทยมีความสนใจความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนมากกว่าพรรคอื่น และที่ผ่านมาขณะมีส.ส.เพีสงคนเดียว แต่พิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ทำมากกว่าพูด”
“วันนี้ผมกับท่านพิพัฒน์ จะมาบอกและขอร้องให้พี่น้องชาวจังหวัดสงขลาเปลี่ยน มาเลือก ส.ส.พรรคภูมิใจไทยทั้งจังหวัด” ผู้การชาติ กล่าว
ขณะที่ นายเจษฎาพงศ์ ชูแก้ว กล่าวว่า วันนี้ตนได้รับโอกาสและความไว้วางใจจากนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคให้ มาสานต่อการเลือกตั้งในเขต 2 สงขลา ต่อจากทนายหมู (นายเฉลิมชัย ชูแก้ว) พี่ชายซึ่งได้เสียชีวิตลง และได้ทำการเมืองในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ผ่านมา และจากประสบการณ์ทางการเมืองและกระแสนิยมในผลงานของพรรคและกระแสนิยมนายพิพัฒน์ ที่สามารถเข้ามาช่วยกันผลักดันให้เมืองหาดใหญ่ฟื้นกลับมาเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวได้สำเร็จ และอีกหลายโครงการที่พูดแล้วทำ
“ผมมั่นใจว่าจากผลงานของพรรคและนายพิพัฒน์ และความพร้อมของตนเอง จะสามารถทำให้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ได้” รองรักษ์ กล่าว
ด้าน นายสมชาย เร่งหลัก กล่าวว่า สาเหตุที่เลือกมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากชอบนโยบายของพรรคในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนทุกระดับ ซึ่งที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยได้ทำให้เกิดความชัดเจนในด้านพัฒนาในจังหวัดสงขลาและภาคใต้ ดังสโลแกนของพรรคที่บอกว่า พูดแล้วทำ จึงมีความมั่นใจว่าพรรคฃูมิใจไทยเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ตรงกับตนเอง อีกทั้ง สภาพภายในพรรคภูมิใจไทยมีความรัก สามัคคีกัน และมีเป้าหมายในการพัฒนาที่ชัดเจน และเมื่อไม่มีปัญหาภายในพรรค ทำให้พรรคคิดแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน
“วันนี้ ผมอยากเห็นการพัฒนาสงขลาอย่างแท้จริง และพร้อมที่จะสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังมาถึงในนามพรรคภูใจไทย” ยีชาย กล่าว