21 มีนาคม 2566 นายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดสตูล (กรอ.จังหวัดสตูล) ครั้งที่ 3/2566 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศาลากลางจังหวัดสตูล เพื่อติดตามการดำเดินการตามข้อสั่งการ และติดตามความก้าวหน้าของโครงการที่สำคัญของจังหวัดสตูล โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และคณะกรรมการฯ เข้าร่วมประชุมที่ประชุมได้ติดตามรายงานสภาวะเศรษฐกิจภาพรวม และสภาวะเศรษฐกิจจังหวัดสตูล ทั้งด้านการส่งออก นำเข้าสินค้าจากภายในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งสถานการณ์การค้าชายแดน
รวมถึงโครงการสำคัญของจังหวัดสตูล จากมติที่ประชุม กพต. ครั้งที่ 1/2566 วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ที่มีการอนุมติหลักการโครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยสตูล พ.ศ. 2566 – 2572, โครงการก่อสร้างศูนย์
บริหารจัดการศาสนาอิสลามจังหวัดสตูล งบประมาณ 67 ล้านบาท และการอนุมัติหลักการกรอบแนวทางการยกระดับและพัฒนาการท่องเที่ยว จังหวัดสตูลให้เป็น World Class Southern Border, Thailand. The Rivera of South East Asia
นายอรุณ อุมาจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล กล่าวถึง โครงการสร้างศูนย์บริหารจัดการศาสนาอิสลามจังหวัดสตูลว่า เป็นโครงการที่ได้มีการประชุมเพื่อดำเนินการมาหลายครั้ง เนื่องจากอาคารหลังเก่าที่ใช้อยู่มีความคับแคบ ไม่เพียงพอต่อการรองรับกิจกรรมต่าง ๆ ของสำนักงานคณะกรรมการฯ ที่ขยายเพิ่มมากขึ้น
“ในการบริหารจัดการกิจการของอิสลามนั้นมีลักษณะครบวงจร ครอบคลุมหลายกิจกรรม ตั้งแต่การประชุมสัมมนาต่าง ๆ การอบรมผู้เดินทางไปทำฮัจญ์ การอบรมคณะกรรมการมัสยิดของจังหวัดสตูลที่มี 3 พันกว่าคน เรื่องเกี่ยวกับการทำงานของสถาบันฮาลาล ตลอดจนการให้บริการประชาชนในเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันที่เกี่ยวกับบัญญัติศาสนา” นายอรุณ กล่าว และว่า
รวมทั้ง การให้บริการแก่องค์กรต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องใช้อาคารที่มีความสะดวกและมีกว้างขวางกว่าปัจจุบัน เพื่อรองรับกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งอาคารศูนย์ บริหารจัดการอิสลามจังหวัดสตูลปัจจุบันไม่สามารถทำได้อย่างเพียงพอ ด้วยมีความคับแคบ เนื่องจากก่อสร้างมานานกว่า 30 ปีแล้ว
จากปัญหาดังกล่าว คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล จึงจำเป็นต้องจัดทำโครงการก่อสร้างศูนย์บริหารจัดการฯ หลังใหม่ขึ้นมา ซึ่งทางคณะกรรมการฯ ได้จัดหาที่ดินสำหรับการก่อสร้างไว้แล้วตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ใกล้กับอาคารหลังเดิม
โดยโครงการก่อสร้างจะเป็นอาคารสามชั้น ๆแรกใช้เป็นห้องประชุม ความจุประมาณ 1,200 คน ชั้นบนเป็นที่ทำงานของคณะกรรมการฯ และอื่น ๆ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา ได้พยายามจัดทำโครงการขอความสนับสนุนไปยังจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุด ในสมัย ผู้ว่าฯ เอกรัฐ หลีเส็น ก็ได้มีการประชุมร่วมกันหลายครั้ง จนต่อมาเมื่อการระบาดของโควิด-19 รุนแรงขึ้น การประชุมเพื่อดำเนินการจึงชะงักไป
“ครั้งนี้เรามีความหวังอย่างมากว่าทางจังหวัดจะให้การสนับสนุนโครงการ” นายอรุณ กล่าว