‘นิพนธ์’เปิดศูนย์ฯปชป.เขต1 มั่นใจ4ปี”สรรเพชญ”เคียงข้างคนสงขลา
วันที่ 7 มีนาคม 2566 เวลา 11.00 น. นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคและผู้อำนวยการการเลือกตั้งส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรค ภาคใต้ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดสงขลา ทั้ง 9 เขต ได้ร่วมกันตัดลิปบิ้น เปิดศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์ ของนายสรรเพชญ บุญญามณี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 จังหวัดสงขลา เพื่อเตรียมความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้
บรรยากาศในการเปิดศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 เริ่มคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า โดยมีพระครูโสภณวราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ปฐมมาวาสพระอารามหลวง และรองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา เจิมป้าย ศูนย์ประสานงานพรรคปชป. เพื่อความเป็นสิริมงคล และมีบรรดานักการเมืองท้องถิ่น ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 9 เขต ของจังหวัดสงขลา และแกนนำชุมชน ประชาชน ผู้สนับสนุนในพื้นที่ได้ทะยอยมาร่วมอวยพรพร้อมทั้งมอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก
นอกจากนั้น ยังมีการเปิดเพลงเช้าวันใหม่ ที่ขับร้องโดย “เมธี ลาบานูน” เรียกความเชื่อมั่น และความศรัทธาที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งทุกคนต่างร่วมแรง ร่วมใจส่งเสียงร้องกระหึ่ม ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก
นายนิพนธ์ กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การเลือกตั้งของระบบประเทศไทยเป็นการเลือกตั้งระบบรัฐสภาไม่ใช่ระบบประธานาธิบดี หรือเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง ซึ่งมันต่างกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ซึ่งคนในกทม. เลือกผู้บริหารโดยตรง แต่ในระบบรัฐสภาของประเทศไทยเลือกผู้แทนราษฎร และผู้แทนเขตจะมี 400 เขต บัญชีรายชื่อจะมี 100 รายชื่อที่ว่าเลือกพรรค
ดังนั้น 2 ระบบนี้ รวมกัน 500 ที่นั่ง ใครรวมเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกิน 250 คนนั้นก็จะได้เป็นรัฐบาล ดังนั้นโพลต้องลงไปให้ลึกว่า โพลนั้นเขาดูเลือกผู้แทนเขต เลือกตั้งพรรค ส่วนบัตรเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีไม่มี เพราะเขาเลือกพรรค นั่นก็คือ เขาเลือกผู้แทนเขต เขตละ 1 คน และเลือกบัญชีรายชื่อ 100 คน รวมกันแล้ว 500 คน ฉะนั้น ผู้แทนเขตกับพรรคใครรวมเสียงกันแล้วได้มากที่สุด
“ผมคิดว่าสิ่งที่ปชป.ทำมาขณะนี้ล้ำหน้าที่สุดคือ เราจัดปราศรัยและทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ซึ่งอาจจะมีพี่น้องประชาชนที่ยังไม่เข้าใจอยู่บ้าง หรือยังไม่รู้ว่าพรรคเคยทำอะไรในอดีต ซึ่งทางพรรคก็พยายามชี้แจงอยู่ในเรื่องนี้ คือพรรคเสนอตัวบุคคลความพร้อมในเขตเลือกตั้ง พรรคเสนอความพร้อมของพรรคปชป.ที่เป็นสถาบันการเมืองมายาวนานย่างเข้า 77 ปีในเดือนเมษายนนี้ กับพรรคอื่นที่เราเรียกว่า พรรคเฉพาะกิจ ที่ตั้งมาเพื่อให้ใครเป็นนายก แต่ถ้าไม่ได้เป็นนายกพรรคเหล่านั้นก็เลิกไป ซึ่งเห็นมามากแล้วในอดีต” นายนิพนธ์ กล่าว และว่า
จึงไม่แปลกใจ ประชาธิปัตย์เดินหน้าสร้างความเข้าใจ วันที่ 24 ก.พ.เราปราศรัยเพชรบุรี วันที่ 25 ก.พ. เราปราศรัยหาดใหญ่วันที่ 3 มี.ค.เราปราศรัยพัทลุง วันที่ 5 มี.ค. ปราศรัยที่ปัตตานี และเมื่อวานก็ปราศรัยที่ กทม. ฉะนั้น นี่คือยุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่บอกว่า เราขายความเป็นสถาบันทางการเมือง เราขายความเป็นผู้นำรวมหมู่ เราไม่ฝากความหวังไว้กับคนใดคนหนึ่ง ซึ่งจะเห็นว่าเราเปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาเป็นคนที่ 8 แล้ว ประชาธิปัตย์ก็ยังอยู่
นี่คือความต่างจากพรรคอื่น ทั้งความต่างในเชิงนโยบาย ความต่างในเรื่องผลงานในอดีต และความต่างในเรื่องตัวบุคคลที่เราเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านเป็นส.ส.มา 11 สมัยเป็นรัฐมนตรีตั้งแต่อายุ 36 ปีมาจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นรัฐมนตรีมาแล้ว 7 กระทรวง และทุกครั้งที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จุรินทร์ได้เป็นรัฐมนตรีทุกครั้ง ถือเป็นนักบริหารรัฐกิจมืออาชีพ นี่คือตัวบุคคลที่เรานำเสนอมาให้พี่น้องประชาชนเลือก
“ผมจึงคิดว่ายุทธศาสตร์ของประชาธิปัตย์เดินมาถูกทางแล้ว”
นายนิพนธ์ กล่าวถึงนายสรรเพชญว่า ใน 3 -4 ปีที่ผ่านได้ทำงานอยู่กับพี่น้องประชาชนมาตลอด ไม่เฉพาะเขต 1 ซึ่งคราวที่ อำเภอระโนดมีปัญหาในเรื่องของพืขเกษตร สรรเพชญก็เข้าไปแก้ปัญหาให้ที่ระโนด โดยการเอาพืชผลทางการเกษตรมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในเขตเมือง และเขตชุมชนในช่วงโควิด ฉะนั้น 3-4 ปีที่ผ่านมาผมเชื่อว่าคนสงขลารู้และทราบว่าใครที่อยู่เคียงข้างกับพี่น้องประชาชนมาตลอด
นายนิพนธ์ ยังกล่าวถึงประเด็นทางการเมืองในขณะนี้ กรณีส.ส.ชัยชนะ(เดชเดโช) ว่า วันนี้ได้เข้าไปขอโทษกับท่านอธิการบดี ม.ทักษิณ เรียบร้อย มีการรับขอโทษและให้อภัยกันแล้ว ถือว่าจบแล้ว แต่มีบางคนบางพรรค พวกโดดเรือหนีบ้าง พวก 4 ปี 3 พรรคบ้าง พวกไปไม่รอดบ้าง ที่ยังไม่อยากจบ
ทั้งนี้ ศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 ที่เปิดในวันนี้ ตั้งอยู่บนถนนนครนอก สงขลา (ใกล้ตลาดทรัพย์สิน) ซึ่งเดิมเป็นอาคารของธนาคารกสิกรไทย ที่ตระกูลบุญญามณี ของนายนิพนธ์ ซื้อมาในราคาประมาณ 28 ล้านบาท