วันที่ 10 กรกฎาคม 2566 ณ สถาบันนโยบาย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผศ.ดร.พงศ์เทพ สุธีรวุฒิ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและยุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และนายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกองศ์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ร่วมกับหน่วยงานผู้สนับสนุนอย่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนกาสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และนายแพทย์วีระพันธ์ ลีธนะกุล ผอ.สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 12 แถลงข่าวในการจัดเตรียมงานสร้างสุขภาคใต้ครัั้งที่ 13 ภายใต้หัวข้อ “ภาคใต้แห่งความสุขเพื่อสุขภาวะแห่งอนาคต สุข สู่ สุขภาวะ” และการประชุมวิชาการ เรื่อง “การประเมินผลกระทบด้านสุขภาพเพื่อสุขภาวะแห่งอนาคตที่ยั่งยืน:โอกาส และความท้ายทาย”
งานดังกล่าวเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของเครือข่ายภาคใต้ วางเป้าหมายเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนงาน “ภาคใต้แห่งความสุข” ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 9-10 สิงหาคม 2566 ณ ศูนย์ประชุมนานชาติฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ผศ.ดร.พงศ์เทพ สุธีรวุฒิ กล่าวว่า เราจัดงานสร้างสุขภาคใต้มาแล้วรวม 12 ครั้ง ในระยะแรกเป็นรูปแบบ “โชว์ แชร์ เชื่อม” เน้นกระบวการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเครือข่าย และสลับกับการจัดงานสมัชชาสุขภาพภาคใต้ ที่เน้นกระบวการนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วมผ่านกลไกสมัชชาจังหวัดและสมัชชาภาคใต้
ต่อมาได้จัดงานสร้างสุขร่วมกับสมัชชาสุขภาพ มีการกำหนดวาระสร้างสุข 4 ประเด็น คือ ความมั่นคง 4 ด้าน คือ ด้านอาหาร ด้านสุขภาพ ด้านมนุษย์แดะด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นการยกระดับงานในพื้นที่สูการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายและขับเคลื่อนข้อเสนอในปีถัดไปโดนกลไกความร่วมมือในพื้นที่ ระหว่าง สสส. สช. สปสช. กระทรวงสาธารณสุจ พชอ. หน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษาและภาคประชาสังคม เป็นการบุรณาการข้ามเครือข่าย
สำหรับการจัดงานสร้างสุขปีนี้ ยังมีการประชุมวิชาการด้านการประเมินผลกระทบจากสุขภาพ (HIA Forum) ระดับประเทศร่วมด้วย โดยมีนนักวิชาการและนักศึกษาร่วมนำเสนอมผลงานทางวิชาการด้วย”
นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกองศ์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ในฐานะปรธานการจัดงาน ตั้งใจให้งาน แตกต่างจากปีที่ผ่านมา ปีนี้เราตั้งใจขับเคลื่อนในทุกมิติ โดยเฉพะโดยเฉพาะความมั่นคงทั้ง 4 ที่ได้กล่าวมา
“ข้อเสนอเชิงนโยบายทีไ่ด้ในครั้งนี้ จะนำไปสู่การปฏิบัติโดยนำเข้าแผนพัฒนาภาคใต้ ขอให้ทุกจังหวัดดึงเอาท้องถิ่นเข้ามาร่วมทำงานสร้างสุข เพราะนอกจากช่วยสนับสนุนงบประมาณแล้ว ยังสามารถขับเคลื่อนเครือข่ายใหม่ และผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบายได้” นายกเศรษฐ์กล่าว