Home » ข่าว » ป่าขาดโมเดล!ต้นแบบชุมชนวิจัยสู่เวทีระดับชาติ

ป่าขาดโมเดล!ต้นแบบชุมชนวิจัยสู่เวทีระดับชาติ

“ป่าขาดโมเดล” ต้นแบบชุมชนวิจัย สู่ เวทีระดับชาติ Thailand research expo 2023

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในบทบาทการส่งเสริมและถ่ายทอดความรูู้เพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ ให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ผลงานวิจัยสู่กลุ่มผู้ใช้ประโยชน์ในวงกว้าง ได้กำหนดกลไกเพื่อนำเสนอผลงานวิจัยและการถ่ายทอดความรู้จากผลผลิตการวิจัยจากหน่วยงานเครือข่ายวิจัยทั่วประเทศ

การจัดงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2566 (Thailand Research Expo 2023)” ระหว่างวันที่ 7 – 11 สิงหาคม 2566 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเวทีระดับชาติในการนำเสนอผลงานวิจัยที่มีศักยภาพพร้อมใช้ประโยชน์ และขับเคลื่อนให้เกิดการเผยแพร่องค์ความรู้ กระจายโอกาสการเข้าถึงฐานข้อมูลความรู้การวิจัยและนวัตกรรม

อีกทั้ง เป็นกลไกส่งเสริมและถ่ายทอดความรู้เพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ เชื่อมโยงผู้ผลิตงานวิจัยและผู้ใช้ประโยชน์ โดยการบูรณาการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างองค์กรและเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศ

การประชุมครั้งนี้ คุณสุวิมล วงค์พลัง นักวิจัย สวพ8 กรมวิชาการเกษตร ได้รับคัดเลือกจากเวที Thailand research expo ให้ไปนำเสนอผลงานวิจัย ป่าขาดโมเดล

“ป่าขาดโมเดล เกษตรยั่งยืนเพื่อชุมชน” เป็นแพลตฟอร์มนวัตกรรมการผลิตพืชอย่างยั่งยืนที่เหมาะสมกับบริบทของชุมชนป่าขาด อ.สิงหนคร จ.สงขลา ที่เกิดจากการประยุกต์ใช้ “รำแดงโมเดล: เกษตรตามศาสตร์พระราชา” ซึ่งเป็นเครื่องมือวิจัยทางสังคมศาสตร์ร่วมกับการวิจัยทางเกษตรศาสตร์ ผลการวิจัยสามารถสรุปเป็นกระบวนการขับเคลื่อนการพัฒนา ดังนี้

  1. การจัดตั้งกลุ่มเกษตร พบว่า การรวมกลุ่มพร้อมกับการแต่งตั้งคณะกรรมการกลุ่ม ดำเนินการวิเคราะห์ชุมชน จัดทำแผนพัฒนา การพัฒนาแปลงต้นแบบ การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงาน การจัดกิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยี ร่วมกับบทบาทของประธานกลุ่มในการรักษาไว้ซึ่งการรวมตัวของสมาชิก คณะกรรมการกลุ่มมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และหน่วยงานราชการสนับสนุนอย่างจริงจัง ทำให้ชุมชนเกิดพลังต่อรองเพื่อแก้ปัญหา และเกิดความเข้มแข็งสามารถดำเนินงานไปได้
  2. การพัฒนา 9 พืชผสมผสานพอเพียง พบว่า กลุ่มพืชรายได้ มะม่วงมีผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.84 รายได้สุทธิเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.24 กล้วยน้ำว้า ผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.66 รายได้สุทธิเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.26 กลุ่มพืชอาหารสัตว์ มีรายได้สุทธิเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 69.37 กลุ่มพืชอาหาร พืชสมุนไพรสุขภาพ พืชอนุรักษ์ดินและน้ำ และกลุ่มพืชใช้สอย พืชพลังงานเชื้อเพลิง มีการปลูกเพิ่มขึ้นร้อยละ 30, 85, 100 และ 50 ตามลำดับ
  3. การพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร พบว่า มีการแปรรูปกล้วยน้ำว้าเป็นกล้วยเส้น ซึ่งเป็นสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพืชอัตลักษณ์ของชุมชน มีการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร GAP 11 แปลง 8 พืช และเกษตรอินทรีย์แปลงผักผสมผสาน 1 แปลง
  4. การพัฒนาเชื่อมโยงการเกษตรกับการท่องเที่ยว และภาคส่วนอื่น ๆ พบว่า การเชื่อมโยงการเกษตรกับสวนเทพหยาเพื่อพัฒนาตลาดและการท่องเที่ยว และการบูรณาการงานเกษตรของชุมชนกับงานทางวิชาการและงานส่งเสริม การทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทำให้ดึงพลังจากภาคนอกเกษตรเข้ามาสนับสนุนการพัฒนาการผลิตพืช และแก้ปัญหาการขาดตลาดรองรับผลผลิตเกษตรของชุมชน
  5. การจัดเวทีวิจัยสัญจร เยี่ยมบ้านเกษตรกรแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภูมิปัญญาทางการเกษตรและความรู้ทางวิชาการ

กระบวนการพัฒนาทั้ง 5 เป็นปัจจัยที่ทำให้ชุมชนมีความพอเพียงด้านอาหาร สามารถพึ่งพาตนเองได้ เกิดการแบ่งปันสู่เพื่อนบ้าน และชุมชนใกล้เคียง และเกิดเป็นชุมชนเกษตรยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

บทความ/สงขลาโฟกัส
ธัช ธาวินท์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *