จังหวัดสงขลา เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันช่วงฤดูแล้งจากประเทศเพื่อนบ้าน ร่วมป้องกันยับยั้งสถานการณ์การเผาป่าภาคใต้
12 ก.ค.66 นายมาหะมะพีสกรี วาแม รองผู้ว่า ราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคใต้ ปี 2566 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานรายละเอียดข้อมูล อาทิ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและ ควบคุมมลพิษที่ 16 (สงขลา), กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ, ศูนย์อุตุนิยม
วิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลา สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณ์ภัยจังหวัดสงขลา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม CEO ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสงขลา และผ่านระบบ ZOOM Meeting
เนื่องจากในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงตุลาคม ของทุกปี เป็นช่วงแล้งของภูมิภาคอาเซียนตอนล่าง ทำให้มีโอกาสเกิดไฟไหม้ป่าพรุจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจส่งผลให้พื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทยได้รับผล
กระทบจากการเพิ่มขึ้นของฝุ่นละออง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ปัญหาสิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจในพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าประเทศไทยจะเกิดสภาวะเอลนีโญระดับปานกลางในช่วงเดือนมิถุนายน ถึงกรกฎาคม ต่อเนื่องถึงช่วงเดือนธันวาคม 2566 ถึงกุมภาพันธ์ 2567 ส่งผลให้สภาวะอากาศมีแนวโน้มที่อุณหภูมิสูงกว่าค่าปกติ ปริมาณฝนรวมทั้งประเทศในช่วงฤดูฝนจะน้อยกว่าร้อยละ 5 จากค่าเฉลี่ยปกติ ทำให้มีโอกาสเกิดไฟไหม้ป่าได้ง่ายขึ้น จึงมีโอกาสที่สถานการณ์หมอกควันภาคใต้ ปี 2566 มีความรุนแรงสูงกว่าปีที่ผ่านมา
ในที่ประชุม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานข้อมูลในประเด็นสำคัญ ดังนี้ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่ให้หน่วยงานดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ อย่างเคร่งครัด และบังคับใช้กฎหมายที่อยู่ในอำนาจอย่างเข้มงวด พร้อมสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชน
โดยใช้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ 3 มาตรการ คือการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ
สำหรับการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคใต้ ปี 2566 โดยสถานการณ์หมอกควันของประเทศไทยมีแหล่งกำเนิดไฟในพื้นที่พรุ และหมอกควันข้ามแดน จะมีการติดตามตรวจสอบสถานการณ์ เฝ้าระวังผล
กระทบจากหมอกควันข้ามแดนจากการเผาพื้นที่พรุภายในประเทศไทย และจากเกาะสุมาตรา และบอร์เนียว สาธารณรัฐอินโดนีเซีย มีการรายงานและการพยากรณ์ฝุ่นละอองเพื่อแจ้งเตือนสถานการณ์ ผ่านเว็บไซต์ http://air4thai.pcd.go.th และแอพพลิเคชั่น “Air4Thai”
ทั้งยังได้ทำข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน เพื่อเพิ่มความร่วมมือระหว่างประเทศภาคี ในการป้องกันและควบคุมการเกิดไฟป่า และการเผาในที่โล่ง และเพิ่มช่องทางการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน กรณีวิกฤตมลพิษหมอกควันข้ามแดน ที่ประชุมยังได้รายงานการคาดการณ์สภาพอุตุนิยมวิทยาในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย รวมทั้งการเตรียมการป้องกันและการแก้ไขปัญหาไฟป่าและการเผาในพื้นที่พรุของไทย การจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ (ป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ปี 2566 ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงาน การสื่อสาร และการประชาสัมพันธ์ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นางสาวสุนารี บุญชุบ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา กล่าวว่า จากการประชุมได้มีการวางแผนลงพื้นที่เพื่อวางมาตรการในพื้นที่เสี่ยงสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน 2 อำเภอในขั้นต้นคือ อ.ควนเนียง และ อ.เทพา
“เป็นการประชุมเพื่อซักซ้อมหากเกิดเหตุการณ์จะได้วางขั้นตอนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือสถานการณ์อย่างไร ซึ่งกรณีนี้อาจเกิดขึ้นได้หากฝนทิ้งช่วง แต่หากมีฝนเข้ามาก็สามารถคลายความกังวลได้บ้าง” นางสาวสุนารี กล่าว และว่า
กรณีของหมอกควันจากประเทศเพื่อนบ้านทางจังหวัดอาจไม่สามารถป้องกันได้มากนัก
“เรื่องนี้เราทำได้แค่ลดมลภาวะจากเครื่องมือที่เรามี หากแก้ปัญหาจริงๆ ต้องเป็นเรื่องของหน่วยงานระหว่างประเทศที่ต้องร่วมมือกันในการวางมาตรการ”
อย่างไรก็ตาม ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา แทบไม่มีผลกระทบจากปัญหาหมอกควันจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของฤดูกาลที่บ้านเรามีฝนตก
ชุกทั้งปี ประเทศเพื่อนบ้านก็น่าจะมีสภาวะใกล้เคียงกับเรา ทำให้ปัญหาหมอกควันลดลงไปมาก