ตำรวจสงขลาประสบความสำเร็จสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล สร้างโมเดลความร่วมมือ 4 ฝ่ายในตำบลเกาะยอ ลดปัญหาได้ชัดเจน
วันนี้ (21 สิงหาคม 2566) ที่วัดท้ายยอ ตำบลเกาะยอ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา พล.ต.ท.สรร พูลศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมประเมินผลการปฏิบัติตามโครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม ตามโครงการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน(Stronger Together) สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา
มี พ.ต.อ.วรชาติ รสจันทน์ รองผบก.ภ.จว.สงขลา พ.ต.อ.บรรเทิง เหล่าเจริญ ผกก.สภ.เมืองสงขลา พ.ต.ท.ถาวร ผลกล้า รอง ผกก.ป.สภ.เมืองสงขลา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมนำเสนอผลงาน
พ.ต.ท.ถาวร ผลกล้า รอง ผกก.ป.สภ.เมืองสงขลา หัวหน้าชุดปฏิบัติการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวว่า สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา ได้ดำเนินการสร้างเครือข่ายภาคประชาชน จากผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ผู้นำธรรมชาติ ผู้นำกลุ่มสาขาวิชาชีพต่าง ๆ ทั้ง 6 ตำบล จำนวน 54 คน ขับเคลื่อนเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยการ พบปะพูดคุยกับเครือข่าย แนวร่วมเพื่อติดตามผลการดำเนินโครงการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะยาว มีช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างเครือข่ายประชาชนกับเจ้าหน้าที่ชุดชุมชนสัมพันธ์ ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น LINE ,FACEBOOK,CLUBHOUSE เพื่อแจ้งปัญหาความเดือดร้อน และความต้องการของประชาชนในพื้นที่
มีการขยายเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน ไปยังหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชนจิตอาสาในการเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันอาชญากรรม และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตลอดถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดชุมชนสัมพันธ์ ได้ประสานความร่วมมือกับเครือข่ายภาคประชาชนเป็นประจำและต่อเนื่อง การรับแจ้งปัญหาความเดือดร้อน และความต้องการของประชาชนในตำบล ชุมชน หมู่บ้านทั้ง 5 ด้าน และได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ สำหรับปัญหาอื่น ๆ ก็ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขต่อไป เป็นที่เรียบร้อย จำนวน 210 เรื่อง ดังนี้
ปัญหาด้านสังคม จำนวน 99 เรื่อง ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม จำนวน 22 เรื่อง ปัญหาด้านความขัดแย้ง จำนวน 6 เรื่อง ปัญหาด้านอื่น ๆ จำนวน 83 เรื่อง
สำหรับขั้นตอนการแก้ไขปัญหา และความต้องการของประชาชน ตามโครงการสร้างเครือข่ายฯ ของคณะกรรมการในแต่ละระดับ สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา สามารถแก้ไขปัญหาได้เอง จำนวน 208 เรื่อง นำเข้าแก้ไขระดับอำเภอ จำนวน 1 เรื่อง และนำเข้าแก้ไขระดับจังหวัด จำนวน 1 เรื่อง
ซึ่งพบว่าประชาชนมีความพึงพอใจ และเข้าร่วมเป็นเครือข่ายประชาชนมากขึ้นได้มีการจัดเก็บข้อมูลผลการปฏิบัติ และประชาสัมพันธ์ทางสื่อออนไลน์เผยแพร่การขับเคลื่อนโครงการ ฯเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เป็นประจำสม่ำเสมอ
“การแก้ไขปัญหาที่โดดเด่น เป็นรูปธรรม สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีได้ คือ การแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน ของพื้นที่ ต.เกาะยอ โดยการใช้บ้านป่าโหนด เป็นโมเดล มีการจัดตั้งกลุ่มไลน์เครือข่ายการมีส่วนร่วม ต.เกาะยอ มีการรับแจ้งปัญหาความเดือดร้อน และความต้องการของประชาชนในตำบล ชุมชน หมู่บ้านทั้ง 5 ด้านและได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ” พ.ต.ท. ถาวร กล่าว และว่า
ปัญหาอื่น ๆ ก็ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขต่อไป เป็นที่เรียบร้อย โดยปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของพื้นที่ ต.เกาะยอ คือปัญหาคนร้ายลักมาตรวัดน้ำประปา ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ ได้จัดประชุมระดมความคิดในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการจัดทำโครงการเพื่อนบ้านเตือนภัย และโครงการตำรวจร่วมมวลชนลดอาชญากรรม โดยได้ให้ความรู้กับพี่น้องประชาชน ทางกลุ่มไลน์ ภาพคนร้ายที่เคยก่อเหตุจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ให้ทุกคนช่วยกันสอดส่องดูแลพื้นที่
อีกทั้งได้จัดกำลังฝ่ายปกครอง ภาคประชาชน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกตรวจตราพื้นที่ เน้นในเวลากลางคืน เพื่อเป็นการป้องปรามและสร้างความอบอุ่นใจ ให้กับพี่น้องประชาชนตลอดถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ มีการบูรณการทุกภาคส่วนร่วมกัน จากความร่วมมือดังกล่าว ทำให้มีการจับกุมคนร้ายลักทรัพย์มาตรวัดน้ำประปา ได้พร้อมของกลาง จำนวน 1 ราย สืบเนื่องจากการที่คนร้ายได้เข้าไปก่อเหตุในพื้นที่ และได้รับการแจ้งเบาะแสจากประชาชน โดยภาพถ่ายจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งเบาะแสทางกลุ่มไลน์ โดยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ต.เกาะยอ พร้อมกำลังซึ่งจากการขยายผลคนร้ายดังกล่าว ได้เคยก่อเหตุมาแล้ว 10 กว่าราย ในพื้นที่ อ.เมืองสงขลา และเป็นผู้ต้องหาสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการตัว การปฏิบัติดังกล่าวถือเป็นผลโดยตรง จากโครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม ตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน(Stronger Together)”