ม.อ. ร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดมหกรรมจิตอาสาภาคใต้ ปีที่ 5 ปลุกพลังเยาวชนสร้างสังคม-แรงบันดาลใจ เห็นคุณค่าของตนเอง เพิ่มเครือข่าย สร้างอนาคตของชาติสู่การพัฒนายั่งยืน
2 กันยายน 2566 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
(ม.อ.) ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัด มหกรรมจิตอาสาภาคใต้ ครั้งที่ 5 Youth Volunteer Forum “พลังเยาวชนกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน” โดย ผศ.ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวเปิดงาน พร้อมด้วยนักเรียน นักศึกษา ภาคีเครือข่ายจิตอาสา และผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองราชสมบัติ 60 ปี ม.อ. อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
“การมีจิตอาสาเป็นเรื่องหลักที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ดำเนินการตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยมาจนวันนี้ 55-56 ปีแล้ว” อธิการบดี ม.อ.กล่าวถึงที่มาและชี้แจงวัตถุประสงค์การจัดงานว่า ด้วยปณิธานของมหาวิทยาลัยฯ ที่ว่า ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง นั่นคือ การที่เราพัฒนาจิตใจให้เข้มแข็ง ดีงาม มีจิตอาสาสร้างคุณประโยชน์ให้กับส่วนรวม โดยมหาวิทยาลัยฯ สนับสนุนโครงการบัณฑิตอาสา และกิจกรรมต่าง ๆ ของนักศึกษา ขอขอบคุณทุกเครือข่าย นักเรียน นักศึกษาที่มีจิตใจเข้มแข็งมุ่งมั่น สิ่งเหล่านี้จะเป็นพลังทางสังคม เป็น Soft power ที่สำคัญของประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัยในสังคมเช่นนี้ เรามีความเอื้อเฟื้อ มีจิตใจที่ดี การพัฒนาจิตใจตนเอง และเพื่อน ๆ ให้มีความพร้อมบำเพ็ญประโยชน์ การมีภาคีเครือข่ายเพื่อพัฒนา การมีเยาวชนเข้ามาร่วมกัน ซึ่งจะเป็นพลังและอนาคตของประเทศ
เชื่อมั่นว่าประเทศจะมีความก้าวหน้าอย่างแน่นอน สังคมจะยั่งยืนได้ก็ด้วยการมีจิตอาสา นี่คือพลังที่แท้จริง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ให้การสนับสนุนกิจกรรมอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มเยาวชน ไม่ใช่แค่ในภาคใต้ แต่เป็นทั้งประเทศ รวมไปถึงประเทศต่าง ๆ ในประชาคมอาเซียนที่มีความสนใจ
“การมีจิตอาสาจึงมีความเป็นสากลอยู่ในตัวของมันเอง เราอยากเห็นเยาวชนพัฒนาสิ่งเหล่านี้อย่างเป็นระบบ และอย่างมีความสุข” ผศ.ดร. นิวัติ กล่าว
ผศ.ดร. นฤทธิ์ ดวงสุวรรณ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายส่งเสริมจิตสาธารณะและการพัฒนาที่ยั่งยืน ม.อ. กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 โดบให้ความสำคัญกับกลุ่มนักเรียน เยาวชนนักศึกษา ซึ่งเป็นพลังที่สำคัญในการพัฒนาในทุกมิติ
ปัจจุบัน สหประชาชาติประกาศเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 เป้าหมาย เห็นความสำคัญของเยาวชน
ต่อสังคม สิ่งแวดล้อมและมิติอื่นๆ ในการอยุ่ร่วมกัน ภาคีเครือข่ายเล็งเห็นตรงกันว่า พลังของเยาวชนมีความสำคัญ จึงสร้างกระบวนการในการสร้างความตื่นตัวของเยาวชนในการพัฒนาตนเอง และ ช่วยเหลือสังคมวัตถุประสงค์หลัก ในการจัดงาน 3 เรื่อง คือ
หนึ่ง เป็นการสร้างแรงบันดาลใจในการมีจิตอาสา สร้างคุณค่าของตนเอง สร้างความมั่นใจและพัฒนาตนเอง ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ
สอง การได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน เพราะในการทำงานจิตอาสามีเครือข่ายที่ทำกิจกรรมอาสาสมัครจำนวนมาก แต่ไม่มีโอกาสมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การร่วมกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อแต่ละคนนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานของแต่ละองค์กร และ
สาม เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายที่หลากหลายเพื่อการร่วมมือกันในอนาคตโดบกิจกรรมจิตอาสา มีองค์กรเข้าร่วมเพิ่มขึ้นทุกปี ในปีนี้มีภาคีเครือข่ายหลัก 12 ภาคี และภาคีที่สนใจเข้าร่วมอีก 8 รวมเป็น 20 ภาคี มีผู้สนใจและนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และนักศึกษามหาวิทยาลัย กว่า 700 คน รวมทั้งผู้สนใจทั่วไปอีก 100 กว่าคน เป้าประสงค์ในการจัดกิจกรรมจึงมุ่งไปที่การให้เห็นพลังและความสำคัญของเยาวชน รวมทั้งได้รับฟังการทำงานของหน่วยงานระดับประเทศว่ามีแนวทางการทำงานอย่างไร ซึ่งกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้เข้าร่วมให้ความรู้ รวมถึงการรับฟังประสบการณ์ของเยาวชนที่ไปทำงานระดับนานาชาติ
ขณะที่ น.ส.ซูซาน หะยีโอะ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สมาชิกชมรมนครา ม.หาดใหญ่ กล่าวว่า ได้เข้าร่วมมหกรรมจิตอาสาเป็นปีที่ 2 ชมรมนครา ม.หาดใหญ่ก่อตั้งมา 16 ปี เป็นกิจกรรมอาสาสมัครดูแลพยาบาล
เบื้องต้นให้กับผู้ประสบภัยต่าง ๆ และงานจิตอาสาทั่วไป เช่น การร่วมงานวิ่งของจังหวัด อำเภอ และ งานวิ่งของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในปีก่อน ๆ ในช่วงเกิดน้ำท่วมก็ไปช่วยแจกของแก่ผู้ประสบภัย รู้สึกยินดีที่ได้ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม
“เลือกเรียนคณะศึกษาศาสตร์และศิลปศาสตร์ เพราะต้องการจะเป็นครู เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเยาวชน” น.ส.ซูซาน กล่าว
นายเอกรัฐ รักษาชุม เจ้าหน้าที่ สมาคมอาสาสร้างสุข อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวว่า การทำงานของ
สมาคมจะเน้นการประสานงานช่วยเหลือคนกลุ่มเปราะบาง คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ยากไร้ คนชรา
ขาดรายได้ ไม่มีที่อาศัย นักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ต้องออกจากโรงเรียน ทางสมาคมก็เข้าไปช่วยเหลือ
“ล่าสุด สมาคมฯ ได้ประสานงานสร้างบ้านให้คนชราที่ ต.ท่าข้าม อ.หาดใหญ่ ผมอยู่ในข่ายของกลุ่มเปราะบางในส่วนของพนักงาน บ.ยางไทยฯ เป็น CSR ของบริษัทมาร่วมกับสมาคมอาสาสร้างสุข ซึ่งสมาคมประสานความช่วยเหลือจากหลาย ๆ องค์กร เช่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพแห่งชาติ (สสส.) และอีกหลายองค์กร” นายเอกรัฐ กล่าว และว่าการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ เราอยากให้สังคมได้รับรู้การทำงานอาสาของสมาคมฯ ว่ามีการช่วยเหลือส่วนใดอย่างไร และมีสิ่งที่สามารถบริจาค เช่น เสื้อผ้า ในโครงการผ้าสร้างสุข อุปกรณ์กายบริการ รถเข็น หรืออื่น ๆ เพื่อเราจะได้นำไปมอบให้กับผู้ที่มีความต้องการต่อไป