“อับดุลบาซิม อาบู” อดีตสส.ภูมิใจไทยประกาศนำการขับเคลื่อนการเมืองท้องถิ่น พร้อมทีมบริหาร “เปลี่ยนปัตตานี” หรือ Tuka- Change Pattani ด้วยความรู้ ประสบการณ์ และวิสัยทัศน์ที่ผ่านงานการเมืองตั้งแต่ท้องถิ่น ถึงระดับชาติ
นายอับดุลบาซิม อาบู อายุ 54 ปี จากพรรคภูมิใจไทย สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิตสาขาการปกครองท้องถิ่น จาก มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
จากนักการเมืองท้องถิ่นที่เคยดำรงตำแหน่งเป็น “นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปากล่อ” อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานีตั้งแต่ พ.ศ. 2548 ก่อนที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2562 สังกัดพรรคภูมิใจไทย
ในการเลือกตั้ง อบจ. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568อับดุลบาซิม อาบู ประกาศตัวด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนา “ปัตตานีบ้านเกิด” จากองค์ความรู้ จากการศึกษา และประสบการณ์ทางการเมือง ที่เริ่มจากระดับท้องถิ่นในตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลปากล่อ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 สู่การเมืองระดับชาติ ในนามพรรคภูมิใจไทย โดยครั้งนี้ลงสมัครแบบอิสระ โดย “ผู้ใหญ่ของพรรค” คอยให้คำปรึกษา
เขาชูกระแสเปลี่ยน ดังชื่อทีม “เปลี่ยนปัตตานี” สอดรับความต้องการ และความคาดหวังของประชาชน ซึ่งเป็นกระแสที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ รวมถึงจังหวัดปัตตานี เนื่องจากความเบื่อหน่ายต่อระบบการเมืองเดิมๆ และกลุ่มการเมืองรุ่นเก่าที่ผูกขาดการบริหารมายาวนาน ทำให้เสียโอกาสในการพัฒนา
รวมถึงความคาดหวังต่อตัวผู้นำรุ่นใหม่ ที่มีจิตอาสา พร้อมด้วยความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ทั้งมีวิสัยทัศน์ และความสามารถนำเสนอแนวทางใหม่ ๆ และสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับจังหวัดปัตตานี โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน
ตลอดจนการสื่อสารที่จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทุกกลุ่มกรณีดังกล่าว เป็นความท้าทายอย่างยิ่งในการขยายฐานเสียงไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะโรงเรียนปอเนาะ ซึ่งมักมองหาผู้นำที่มีแนวคิดทันสมัย
“ผมจะมุ่งเน้นพัฒนาจังหวัดปัตตานีให้มีความเจริญก้าวหน้า จากที่ผมเคยเป็น สส.เขต 2 ปัตตานีในพื้นที่ 2 อำเภอคือหนองจิก และโคกโพธิ์ มีผลงานเด่น ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่ ด้วยการขยายถนนในอำเภอหนองจิก และพยายามผลักดันการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับพระราชบัญญัติการประมงรวมถึงช่วยแก้ปัญหาด้านการศึกษา โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญทางวัฒนธรรม และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจการเกษตรที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่” นายอับดุลบาซิม กล่าว และว่า
หากได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวปัตตานีให้ได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.ปัตตานีคนต่อไป จะไม่ให้พี่น้องประชาชนต้องอยู่ในภาวะโง่ จน เจ็บ อีกต่อไป
โง่ คือการแก้ปัญหาการศึกษา และสังคมที่ประชาชนเผชิญ สังคมพหุวัฒนธรรม ปราชญท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อสร้างความมั่นคงและคุณภาพชีวิต การศึกษา การสนับสนุนภาษามลายู คลีนิคมลายู
จน คือแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม ต้องให้ปัตตานีเป็นเมืองน่าลงทุน เพิ่มงาน สร้างรายได้ให้กับคนปัตตานี
ด้านการเมืองการปกครอง ให้อบจ.ปัตตานีเป็นต้นแบบการปกครอง เปิดเวทีให้ อบจ.พบปะประชาชน ไตรมาสละครั้งเพื่อรับฟังปัญหาประชาชน เพื่อประเมินวิเคราะห์ และนำไปสู่การแก้ปัญหาในแต่ละข่วงรวมทั้งการให้ความสำคัญกับภาคประชาสังคม และสนับสนุนภาคประชาชนให้เข้มแข็ง
เจ็บ หมายถึงสุขภาพ ยกระดับ “รพ.สต.” (โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล) ในการป้องกันรักษาสุขภาพของคนในชุมชน มีแพทย์ประจำรพ.สต.เพื่อให้ความสะดวกต่อชาวบ้านได้ดูแลรักษาสุขภาพใกล้บ้าน
นอกจากความรู้ ประสบการณ์ และวิสัยทัศน์ในการนำการพัฒนาสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าที่ผ่านมาแล้ว ความผูกพันและความใกล้ชิดของนายอับดุลบาซิม กับชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเกิดจากการทำงานในระดับท้องถิ่นมาอย่างยาวนานทั้งชาวไทยพุทธ และกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่เคยร่วมงานอย่างใกล้ชิดในช่วงที่พรรคภูมิใจไทย ดูแลกระทรวงสาธารณสุข จะเป็นเครื่องพิสูจนต่อผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568