นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในฐานะประธานคณะอำนวยการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 กล่าวถึงการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งกีฬาฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 ว่า เกิดจากจิตวิญญาณในฐานะที่เป็นคนชื่นชอบกีฬา
“ผมมีพื้นฐานการเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ในวัยเด็กโอกาสที่เราจะทำในเรื่องใหญ่ ๆ ไม่มีโอกาส โดยธรรมชาติของเด็ก”
พอโตขึ้นมาก็คิดตลอดว่าจะทำอย่างไร เราเอากีฬาแมตซ์ใหญ่ ๆ มาในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมวย จักรยาน วิ่งมาราธอน ต่าง ๆ ที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง เป็นแรงผลักดันที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ เนื่องจากเราชอบ และอยากจะทำให้คนสงขลาบ้านเราได้มีโอกาสชมมวยดี เอามวยนครบาลมาชกที่บ้านเราสงขลา ก็ได้ชมมวยดี ๆ สด ๆ คิงส์คัพก็เหมือนกัน
“การที่มีนักแตะทีมชาติมาเตะที่บ้านเรา คนกระหึ่มทั้งแผ่นดิน ความสุขที่เกิดขึ้นกับคนสงขลาและคนทั้งประเทศและก็เป็นความสุขของเรา”
“อยากจะบอกว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เกิดมาจากแรงผลักดันที่อยากให้จังหวัดสงขลาเป็นเมืองกีฬา”
ที่ไม่ใช่เป็นเมืองกีฬา เพียงแค่คิดคำหรู คำเท่ห์ ๆ มาพูด แต่เราต้องปฏิบัติ ลงในรายละเอียด เราไม่ได้พูดให้หรู พูดให้หรอยบนเวที พูดให้หรอยเวลาในที่ประชุม แต่เราจะทำอย่างไร ที่เราต้องคิดต่อยอด ต้องคิดก่อนว่า
“เราจะทำอย่างไร ทำหนึ่ง ทำโดยใคร ทำแบบไหน ทำด้วยอะไร ทำเวลาไหน ทำสอง ทำอย่างไร ทำด้วยใคร ทำเวลาไหน ทำด้วยอะไร และในแต่ขั้นตอนเราต้องรู้จริง เพื่อจะได้มุ่งผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นจริง “
สำหรับการเป็นเจ้าภาพในจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 มาที่จังหวัดสงขลานั้น ผู้ใหญ่ระดับสมาคมฯเขาก็เห็นความตั้งใจของเรา ว่าหัวใจเราเกิน 100% เรากล้าทำ เรากล้าตัดสินใจ เรากล้าที่จะรับผิดชอบทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น
“เพราะฉะนั้น เมื่อเรากล้าแล้ว ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้”
ความสำเร็จจากการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 จะสะท้อนความเป็นเมืองกีฬาของจังหวัดสงขลา
คำว่า “สงขลาเมืองกีฬา” เราอย่าพูดกันแค่วาทกรรม ผลิตคำสวย ๆ ขึ้นมาพูด แต่เราต้องมุ่งสู่การปฏิบัติด้วย
คำว่า ”สงขลาเมืองกีฬา“ ไม่ใช่แค่การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 แล้วบอกว่า สงขลาเป็นเมืองกีฬา ไม่ใช่แค่จัดการแข่งขันมาราธอน แล้วบอกว่าสงขลาเราเป็นเมืองกีฬา แต่คำว่าสงขลาเมืองกีฬามีองค์ประกอบหลาย ๆ มิติสำคัญที่สุดคือ การจัดองค์กรเพื่อรองรับสงขลาเมืองกีฬาต้องเกิดขึ้น ว่าองค์ประกอบขององค์กรต่างๆ ที่จะเข้ามาจัดการสงขลาเมืองกีฬาเป็นอย่างไร
“สำคัญไปกว่านั้น ผู้นำระดับจังหวัดต้องใจเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าทุกอย่างไม่ได้ทำด้วยคำพูดเท่านั้น แต่ทำด้วยองค์ประกอบหลาย ๆ
อย่าง”
1.งบประมาณ 2. กระบวนการทำงาน 3. ความรับผิดชอบ 4. ความมุ่งมั่นตั้งใจ ฉะนั้น การที่จะเกิดเรื่องราวแบบนี้ได้ต้องมาจากผู้นำของจังหวัด
ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด, นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด, ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, ผู้นำท้องที่ พี่น้องประชาชนทั้งจังหวัด
“การที่พี่น้องประชาชน เขาจะให้ความร่วมมือนั้นอยู่ที่กระบวนการจัดการของผู้ว่าราชการจังหวัด ของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด รวมถึงผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ต้องจับมือกันและพูดเสียงเดียวกัน”
ทุกภาคส่วนต้องพูดเป็นเสียงเดียวกัน ต้องร้องเพลงเดียวกัน ทำนองเดียวกัน
และที่สำคัญที่สุดก็คือว่า จะต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจเหมือนกัน มันจึงจะทำให้สงขลาเมืองกีฬา เกิดขึ้นได้จะต้องมีองค์ประกอบมาจากตรงนี้ก่อน แล้วจัดองค์กรในการขับเคลื่อนให้ชัดเจน มอบหมายชัดเจน และขับเคลื่อนต่อเนื่องตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นระดับนานาชาติหรือระดับในประเทศ ระดับภูมิภาค ระดับจังหวัด หรือระดับอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน จะต้องเดินไปทั้งองคาพยพ แล้วต้องมีการส่งเสริมกีฬาอย่างเป็นระบบ
เพราะฉะนั้น ตลอด 1 ปี จะต้องมีอีเว้นท์ระดับนานาชาติ ต้องมีอีเว้นท์(กิจกรรม)ระดับประเทศ) ต้องมีอีเว้นท์ระดับจังหวัด ต้องมีอีเว้นท์ระดับอำเภอ ฉะนั้น คนสงขลาต้องเล่นกีฬากันทั้งปี นี่คือเมืองกีฬาอย่างแท้จริง
“อย่าทำแบบไฟไหม้ฟาง ต้องทำด้วยจิตวิญญาณที่มีอยู่ และต้องกล้าลงทุน ไม่ใช่พูดแต่ปาก ในบ้านเราไม่ว่าเรื่องอะไรชอบผลิตวาทกรรมให้สวย ๆ หรู ๆ พูดแล้วเท่ห์ พูดแล้วฟังดูดี พูดแล้วคนชื่นชม แต่การลงมือทำมีน้อย”
………….
อ่านรายละเอียดในหนังสือพิมพ์ภาคใต้โฟกัส ฉบับที่ 1,357 ประจำวันที่ 21 – 27 ตุลาคม 2567