ทัศนะผู้ชนะการประกวดเรือพระ ในการตัดสิน ค่านิยม และการสืบสานประเพณีในการสร้างเรือพระ และการมีส่วนร่วมของชุมชน
น้าปู ผู้ทำเรือพระวัดจันทร์ ตำบลวัดจันทร์ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา เล่าถึงการทำเรือพระที่ส่งเข้าประกวด และว่า
ความท้าทายในการทำครั้งนี้คือ ต้องแข่งกับเวลา ทั้งการออกแบบให้เข้ากับเกณฑ์ระเบียบของการแข่งขัน
“ถ้าพูดถึงตามหลักความเป็นจริงการทำเรือพระมันก็ต้องใช้เวลานานและยาวนาน มันต้องท้าทายกับเรื่องเวลาตลอด ต้องอาศัยเวลาว่าง มันต้องคลุกคลีอยู่ทั้งวัน”
ความคาดหวังคือ สักหนึ่งปี ต้องได้รับรางวัลระดับจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นรางวัลลำดับไหนก็ตาม อยากจะไขว่คว้ามาได้สักหนึ่งรางวัล
“ปีนี้วันจันทร์ประสบความสำเร็จ เราเป็นวัดชนบท ได้รับรางวัลมาก็ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ๆ ทำให้มีคนรู้จักวัดมากยิ่งขึ้น”
ปีนี้ ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านมาก เมื่อก่อนไปกันไม่กี่คน สัก 50 60 คน แต่ปีนี้ชาวบ้านไปกันเยอะมาก จนเจ้าอาวาสต้องเหมารถบัสไป รวม 100 กว่าคนที่ไปช่วยแ
ทั้งช่วยกันทำ ช่วยกันเดินร่วมขบวน ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านเพิ่มขึ้น
สำหรับการประกวดเรือพระครั้งนี้ กรรมการยังไม่ให้เหตุผลที่เพียงพอ ว่าวัดที่ได้กับวัดที่ไม่ได้แตกต่างกันยังไง บกพร่องยังไง ผิดพลาดตรงไหน
“เมื่อก่อนเราเคยคุยกันแล้วว่า จุดตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง วัดไหนที่ทำไม่ถูกต้องต้องชี้แจงละเอียด แล้วอยู่ ๆ กรรมการก็แค่ให้คะแนนรวมมา เราก็ไม่รู้ว่าจุดไหนที่ เสียคะแนนหรือ บกพร่อง” น้าปู กล่าว




ด้าน พระอาจารย์ต้น ผู้ประสานงานวัดกอบกุลรัตนาราม ตำบลคลองแงะ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา
กล่าวว่า ทำเรือพระมานานแล้ว 15-16 ปี
แต่ก่อนหน้านี้ เราไปประกวดที่เทศบาลเมืองสะเดา แต่ปีนี้ท่านเจ้าอาวาสเล็งเห็นว่า อยากจะเปลี่ยนพื้นที่ให้คนรู้จักมากขึ้น จึงนำมาประกวดที่เทศบาลนครสงขลา ซึ่งเป็นงานระดับจังหวัด
“เรือพระปกคิ เราจะเอาของเก่าอันไหนที่ใช้ได้ก็เอาไปใส่ใหม่อันไหนที่ใช้ไม่ได้ก็ทำใหม่ขึ้นมา ไม่ได้รื้อใหม่ทั้งลำ”
ตัวลำจะเป็นตัวเดิมแต่ที่มาเปลี่ยนคือลายที่ตัวหาง และตัวเรือพระ
“ความท้าทายของเราคือ ความสวยงาม และสีสันของเรือพระ เพราะเราไปเห็นของเรือพระลำอื่น ๆ ของวัดอื่น ก็ทราบกันดีว่าเรือพระเขาจะมาเป็นสีโทนเดียวกันหมด เป็นความตื่นเต้นถ้าเรา ไม่เน้นสีที่สดใส เราก็ไม่สามารถสู้ กับวัดอื่นได้” พระอาจารย์ต้น กล่าว และว่า
ปีนี้ ชาวคลองแงะ ร่วมยินดีกับทางวัดมาก เราเป็นวัดเดียวที่อยู่ในเขตเทศบาลด้วย ทุกคนก็เกิดความภาคภูมิใจด้วยเรา ในฐานะวันเล็กๆสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับพื้นที่นี้ได้ ให้คนภายนอกได้รับรู้และก็รับทราบ
ส่วนการประกวดครั้งนี้ ขอยึดคำของเจ้าอาวาส เราไปประกวดไม่ใช่เราไปเอารางวัล แต่เราไปประกวดเพื่อให้เรามีชื่อในวงการเรือพระอยู่ยาวๆ .
“การประกวดเรือพระไม่ใช่สิ่งที่จะต้องมาชิงดีชิงเด่น แต่ว่าการประกวดเรือพระเป็นการสืบสานประเพณีวัฒนธรรม ของชาวใต้ โดยที่อย่ามองว่า ของฉันดีกว่าของคุณดีกว่าฉันดีกว่า ของคุณดีกว่า อยากให้มองว่าเป็นการรักษาประเพณีวัฒนธรรมของชาวใต้ ที่มีมาอย่างยาวนาน” พระอาจารย์ต้น กล่าว



