ประสบความสำเร็จตอบแทนสถาบัน!“เทิดศักดิ์ พ่วงจินดา”ศิษย์เก่าวิศวะ ม.อ.

tud

จากวิศวกรสู่ผู้บริหาร! ศิษย์เก่า ม.อ.สร้างเส้นทางอาชีพจากวิศวกรหน้างานสู่ผู้บริหารกิจการ และที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมชั้นนำของประเทศ เล่าประสบการณ์ พร้อมบทบาทนายกสมาคมศิษย์เก่าฯ ตอบแทนสถาบัน

“ผมเป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด จบมัธยมจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ตัดสินใจเลือกเรียนวิศวะที่ ม.อ. เพราะคิดว่ามหาวิทยาลัยอยู่ติดทะเลและสอบเข้าเรียนในปี 2525 รหัสนักศึกษา 251052 รุ่นที่ 16 โดยไม่เคยมาภาคใต้เลย ในยุคนั้น ยังไม่มีอินเตอร์เน็ต”

นายเทดศักด

นายเทิดศักดิ์ พ่วงจินดา กรรมการบริหาร บริษัท โชติจินดา คอนซัลแต้นท์ จำกัด ศิษย์เก่าดีเด่น ปี 2567 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) คณะวิศวกรรมศาสตร์ และนายกสมาคมศิษย์เก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์ เผยที่มาในการตัดสินใจเรียนระดับมหาวิทยาลัย ที่ม.อ. และว่า

ชีวิตนักศึกษาที่นี่เต็มไปด้วยความสุขและอิสระเพราะได้ออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ประทับใจตั้งแต่แรกเห็นอาคารเรียนของคณะวิศวะฯ ที่มีรูปทรงหลังคาเป็นเปลือกไข่ ซึ่งถือว่าเป็นโครงสร้างที่ล้ำสมัยในยุคนั้น นอกจากนี้ยังมีตึกฟักทอง ซึ่งเป็นอาคารเรียนรวมที่นักศึกษสใช้เรียนวิชาพื้นฐานกับนักศึกษาคณะอื่น ๆ เช่น คณะแพทย์และวิทยาศาสตร์

“ผมพักอยู่หอพักชายของมหาวิทยาลัยตลอด 4 ปี ได้พบกับเพื่อนๆ และรุ่นพี่จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยที่สอบเข้าที่เดียวกัน ทำให้ชีวิตนักศึกษาไม่เหงาเลย”

ชีวิตในมหาวิทยาลัยมาพร้อมกับความท้าทายเนื่องจากคณะวิศวะเป็นคณะที่เรียนค่อนข้างยากเพื่อนร่วมรุ่นที่เข้ามาประมาณ 250 คน เรียนจบเพียงประมาณครึ่งหนึ่ง หรือราว 120 คนเท่านั้น แต่ละคนต้องรู้จักประคองตัวเอง แม้จะไม่ได้เป็นคนเรียนเก่งมาก แต่ก็พยายามปรับปรุงตัวและเรียนจนสามารถเอาตัวรอดได้

กิจกรรมไม่ค่อยได้เข้าร่วมมากนัก ที่มีบ้าง เช่นเข้าร่วมแข่งขันกีฬา 8 เกียร์ คณะวิศวะ 8 สถบันเจ้าภาพในปีนั้นคือสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง และร่วมกิจกรรมเชียร์หรือรับน้อง

“ยังรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ มากนัก เช่น การออกค่าย ซึ่งหากย้อนเวลากลับไปได้ ก็อยากเข้าร่วมให้มากกว่านี้”

หลังเรียนจบสาขาวิศวกรรมโยธา ก็เริ่มต้นอาชีพครั้งแรกกับบริษัท ช.การช่าง โดยเป็นวิศวกรหน้างานในโครงการโรงครัวการบินไทย ที่สนามบินดอนเมือง ทำงานได้ประมาณหนึ่งปี จึงตัดสินใจลาออกมาเรียนต่อปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ ภาคการเงินการธนาคาร ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเข้าทำงานในบริษัท ภัทรยูโร มิลล์จำกัด ในตำแหน่งผู้จัดการโครงการ ซึ่งต้องใช้ความรู้ ทั้งด้านวิศวกรรมและการเงิน

จากนั้น ได้เข้าทำงานกับบริษัทต่างชาติในตำแหน่ง Project Manager ดูแลโครงการก่อสร้างโรงแรมในหลายพื้นที่

ธุรกิจสำเร็จตอบแทนสถาบัน
ในปี 2543 หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจ ได้ร่วมกับผู้บริหารชาวไทยคนอื่นๆ เจรจาขอซื้อหุ้น 75% จากบริษัทแม่ของอังกฤษ และเปลี่ยนชื่อจากบริษัท มูเชล ประเทศไทย เป็น “บริษัท โชติจินดา มูเชล ประเทศไทย จำกัด”

“มาจากนามสกุลของผมและพาร์ทเนอร์”


อีก 7-8 ปีต่อมา ได้ซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดคืนมา ทำให้บริษัทกลายเป็นของคนไทย 100% และเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท โชติจินดา คอนซัลแต้นท์ จำกัด”


ปัจจุบัน บริษัทฯ มีพนักงานประมาณ 250 คน มีรายได้ต่อปีประมาณ 450 ล้านบาท อยู่ในกลุ่ม 1 ใน 10 ธุรกิจที่ปรึกษาด้านเดียวกันในประเทศไทย

“บริษัทเรามุ่งเน้นงานโครงสร้างพื้นฐาน เช่นงานถนน รถไฟ รถไฟฟ้า สนามบิน และท่าเรือ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยยังคงต้องการพัฒนาอีกมาก”


นายเทิดศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อไม่นานมานี้ตนได้กลับมารับบทบาทในฐานะ “นายกสมาคมศิษย์เก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.อ.” โดยก่อนหน้านี้เคยช่วยงานสมาคมอื่นๆ มานานเกือบ 10 ปีในตำแหน่งต่าง ๆ


“ตัดสินใจรับตำแหน่งนายกสมาคมศิษย์เก่าฯเพราะคิดว่าถึงเวลาที่ต้องกลับมาดูแลและตอบแทนคณะ”


ขณะที่เข้ารับตำแหน่ง สมาคมฯ มีเงินทุนไม่มากนัก แต่ต้องใช้เงินถึงกว่า 3 ล้านบาทในการจัดงานใหญ่ในปีนั้น จึงได้วางแผนจัดคอนเสิร์ตคาราบาวเพื่อระดมทุน และประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย

จากนั้น ในการจัดกิจกรรม ต้องวางระบบงบประมาณของโครงการต่าง ๆ พร้อมปรับปรุงระบบการทำงานของสมาคมให้มีกฎเกณฑ์และรัดกุมยิ่งขึ้น

ทั้งยังพยายามดึงคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมในกรรมการ ให้พวกเขาได้เรียนรู้และสืบทอดงานต่อไป

กิจกรรมที่สมาคมศิษย์เก่าคณะวิศวะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ไม่ว่าจะเป็นการมอบทุนการศึกษาหรือสิ่งต่าง ๆ ที่มีชมรมการศึกษามากมาย ทั้งชมรมรถ EV ชมรมโยธามาเอง ออกค่าย เครื่องกลทำรถขนไข่ฯลฯ ซึ่งมีกิจกรรมตลอด เราได้เข้าไปสนับสนุนงบประมาณหรือสิ่งของต่างๆ กับทางคณะและชมรมต่าง ๆ ตลอดปี

“ในความเป็นลูกพระบิดา และศิษย์เก่า ม.อ.คนหนึ่ง ผมรู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้มาเรียนที่นี่ ปณิธานที่ว่ายึดประโยชน์เพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่งเป็นพระบรมราโชวาทที่ดีมาก ๆ พวกเราควรมองประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน และวิชาความรู้ที่ได้รับจากรั้ว ม.อ.เข้มข้นมาก ๆ ความรู้ที่ได้เรียนเต็มร้อย สามารถนำไปประกอบวิชาชีพได้ อยู่ที่เราเลือกว่าจะไปทิศทางไหน เป็นสิ่งสำคัญที่ใช้ประกอบวิชาชีพ”

จากที่ได้มีโอกาสได้มาเรียนรู้ศึกษาที่ม.อ. โดยเฉพาะคณะวิศวะได้รับวิชาความรู้ ได้ประกอบวิชาชีพทางด้านวิศวกร ได้มีโอกาสในการพัฒนาประเทศ เพราะเราไปอยู่ในส่วนนั้น ทั้งงานโครงสร้างพื้นฐาน หรืองานสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นงานที่มีความจำเป็นในการพัฒนาประเทศ เพราะประเทศเรายังต้องการโครงสร้างพื้นฐานอีกมาก


“ศิษย์เก่า ม.อ.ทุกคนจะไม่มีวันลืมคำสอนของพระราชบิดา ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน สำหรับผมแล้วการกลับมาดูแลสถาบันการศึกษาถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเชื่อว่าความสำเร็จในชีวิตจุดเริ่มต้นการเรียนรู้มาจากที่นี่ ผมบอกกับรุ่นน้องเสมอว่า ถ้าประสบความสำเร็จแล้วต้องรู้จักตอบแทนและแสดงความกตัญญูต่อสถาบันที่ได้ร่ำเรียนมา” นายเทิดศักดิ์ กล่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *