‘ไพเจน’เสนอนายกอิ๊งค์ขอ28ล้าน สร้างถนน300ม.เชื่อมด่านมาเลย์

IMG 1615

“นายกไพเจน” ชงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของบ 28 ล้าน สร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ระยะที่ 2 ยาว 300 เมตร เผยเคยนำเสนอ “นายกเศรษฐา” แต่ยังไม่คืบหน้า กลัวมาเลเซียสร้างเสร็จก่อน ขณะที่ผู้ประกอบการด่านนอกเตรียมยื่นหนังสือขอเปิดด่านพรมแดนคู่ขนานด่านฯสะเดาแห่งใหม่

นายไพเจน มากสุวรรณ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ได้ลงพื้นที่กับคณะผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ที่นำคณะทำงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ประเทศมาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการต้อนรับคณะนายกรัฐมนตรีที่จะเดินทางลงพื้นที่ด่านศุลกากรสะเดา และติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ประเทศมาเลเซีย   

โดยโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ได้รับงบประมาณมาก่อสร้างระยะที่ 1 (ระยะทาง500 เมตร) ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาต่อมา ในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ได้ของบประมาณประมาณ 28 ล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างระยะที่ 2 (ระยะทาง 300 เมตร) ซึ่งเป็นจุดเขื่อมกับด่านบูกิตกายูฮิตัม กระทั่งถึงวันนี้งบประมาณ 28 ล้านที่ได้นำเสนอไปในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ยังไม่มีความคืบหน้า และยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะได้รับงบประมาณดังกล่าวเมื่อไหร่

ในขณะที่การลงพื้นที่เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พบว่าการก่อสร้างถนนของด่านบูกิตกายูฮิตัม ประเทศมาเลเซีย ที่จะมาเชื่อมกับด่านฯสะเดาแห่งใหม่มีความคืบหน้าไปมาก“เราเสียเวลาไป 1 ปีกว่า สำหรับการดำเนินการก่อสร้างถนนระยะที่ 2 ระยะทาง 300 เมตร ในขณะที่การก่อสร้างถนนเชื่อมของมาเลเซีย ซึ่งดำเนินการหลังจากที่เราก่อสร้างถนนเชื่อมระยะที่ 1 เสร็จ”

นายกไพเจน กล่าวต่อว่า มาวันนี้ถนนเชื่อมของประเทศมาเลเซียมีความคืบหน้าเร็วมาก ซึ่งงบประมาณ 28 ล้านบาทในการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของเรายังไม่ชัดเจน ฉะนั้น โอกาสที่การก่อสร้างถนนเชื่อมด่านบูกิตกายูฮิตัมของประเทศมาเลเซีย จะแล้วเสร็จก่อนถนนเชื่อมของเราที่ยังเหลือระยะทางอีก300 เมตร มีความเป็นไปได้สูง

จึงอยากให้ใช้โอกาสที่นายกแพทองธาร ชินวัตร เดินทางลงพื้นที่ด่านศุลกากรสะเดา และติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมประเทศมาเลเซีย นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีอนุมัติงบกลาง 28 ล้านบาท มาดำเนินการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ระยะที่ 2 ระยะทาง 300 เมตร

เพราะหลังจากที่มีการอนุมัติงบประมาณแล้วก็จะต้องมีการประมูลออนไลน์ (e-bidding) ที่ต้องใช้เวลา หากมีการโต้แย้งหรืออุทธรณ์ ซึ่งจะทำให้เสียเวลา

ด้าน ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา ผู้ประกอบการด่านนอก เผยว่า ได้ประสานกับหน่วยงาที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอข้อมูลและความต้องการของผู้ประกอบการธุรกิจด่านนอกที่เกี่ยวข้องกับการเปิดด่านฯสะเดาแห่งใหม่

แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะมีเวลาช่วงไหนที่จะให้ตัวแทนผู้ประกอบการด่านนอกได้เข้าร่วมต้อนรับนายกรัฐมนตรีและนำเสนอสิ่งที่ผู้ประกอบการด่านนอกต้องการ

“หากไม่สามารถให้ตัวแทนผู้ประกอบการด่านนอกนำเสนอข้อมูลได้ ก็ควรจะเปิดโอกาสให้ตัวแทนผู้ประกอบการได้ยื่นหนังสือในข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการต่อนายกรัฐมนตรี” ดร.สิทธิพงษ์ กล่าว 

และว่าข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการด่านนอกต่อกรณีการเปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ประกอบด้วย 1. ขอให้มีการเปิดด่านฯเก่า ทั้งขาเข้าและขาออก คู่ขนานกับด่านฯสะเดาแห่งใหม่

และเร่งทำการเปิดด่านฯสะเดาแห่งใหม่ ซึ่งทางผู้ประกอบการไม่ได้คัดค้านการเปิดด่านฯสะเดาแห่งใหม่อย่างที่หลายฝ่ายพยายามจะสร้างให้ผู้ประกอบการเป็นผู้ร้ายที่คัดค้านการเปิดด่านฯสะเดาแห่งใหม่เพียงแต่ผู้ประกอบการต้องการให้ด่านพรมแดนปัจจุบันยังคงเปิดให้บริการต่อไป ทั้งขาเข้าและขาออก 

แม้ว่าจะมีการเปิดด่านฯสะเดาแห่งใหม่ แล้วก็ตาม“ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็พยายามจะอธิบายว่าไม่ได้ปิดด่านฯพรมแดน แต่ในความเป็นจริงเขาเปิดให้บริการเฉพาะขาเข้าเท่านั้น แต่ขาออกให้ผ่านด่านฯสะเดาแห่งใหม่ แต่เราต้องการให้เปิดบริการทั้งขาเข้าและขาออก”2. ให้เปลี่ยนระบบการยื่นเอกสารไม่ว่าจะเป็น

คนหรือรถ จะต้องปรับรูปแบบจากระบบที่ใช้เอกสารเป็นระบบออนไลน์ 3. ยกเลิกค่าธรรมเนียม 25 บาท เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั้งสองประเทศที่เดินทางเข้าออกและ 4.ให้ตั้งจุดคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ด่านฯสะเดา ซึ่งอาจจะเป็นการนำร่องสำหรับด่านฯแรกทางบก เพื่อจะกระตุ้นการค้าชายแดน “สิ่งที่นำเสนอไม่ได้ใช้งบประมาณใด ๆ เลย” ดร.สิทธิพงษ์ กล่าว 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *