ลุ้นถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัม มาเลเซีย สร้างเสร็จตามสัญญา18 พ.ย.นี้ “นายด่านฯสะเดา” ลั่นพร้อมเปิดให้บริการ ภาคเอกชนกังวลจุดกลับรถขาออกด่านพรมแดน กระทบการเดินทาง-ธุรกิจด่านนอก
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 นี้ สัญญาว่าจ้างการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ประเทศมาเลเซีย ก็จะสิ้นสุดลง นายภาณุ ลิ้มวงศ์ยุติ นายด่านศุลกากรสะเดา กล่าวว่า การก่อสร้างจะเป็นไปตามสัญญาว่าจ้างหรือไม่เป็นเรื่องของคู่สัญญาคือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลากับบริษัท เขาแดง คอนสตรัคชั่น จำกัด
“สิ่งที่ด่านฯดำเนินการคือการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการของด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ทันทีที่ระดับนโยบายทั้งสองประเทศกำหนดวันเปิดให้บริการ”


สิ่งที่ทางด่านฯดำเนินการในขณะนี้คือ การเตรียมพร้อมบุคลากร ระบบการตรวจปล่อย อุปกรณ์อาคารสถานที่ ซึ่งได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว พร้อมเปิดให้บริการ
ในขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้เข้าไปดูพื้นที่ ดำเนินการระบบน้ำ ระบบไฟ ระบบสื่อสาร ระบบอินเทอร์เน็ต ของแต่ละหน่วยงาน พร้อมเข้าประจำในพื้นที่
ฉะนั้น การก่อสร้างถนนเชื่อมระยะที่ 2 ประมาณ 300 เมตร จะแล้วเสร็จตามสัญญาหรือไม่เป็นเรื่องอบจ.สงขลากับผู้รับเหมา ไม่เกี่ยวกับด่านฯ
“เคยมีการประชุมร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะต้องเข้ามาประจำด่านฯสะเดาแห่งใหม่กันไปหลายรอบ ไม่มีอะไรต้องกังวล หากรู้ล่วงหน้าประมาณ 2 สัปดาห์ก็สามารถย้ายมาประจำด่านฯได้”
ส่วนผู้ประกอบการโดยเฉพาะรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ก่อนจะเปิดด่านฯสะเดาแห่งใหม่ จะจัดให้มีการประชุมเพื่อแจ้งให้ทราบการเปิดด่านฯสะเดาแห่งใหม่
ส่วนกรณีที่เปิดให้บริการด่านฯสะเดาแห่งใหม่แล้วด่านพรมแดนจะยังเปิดให้บริการอีกหรือไม่นั้น ชัดเจนว่าตรงด่านพรมแดนทางฝั่งประเทศมาเลเซียจะปิดเมื่อเปิดใช้ด่านฯใหม่
ในขณะที่ด่านพรมแดนไทยก็จะอนุญาตให้รถจักรยานยนต์และรถยนต์ส่วนบุคคลเท่านั้นที่ยังเดินทางผ่านด่านพรมแดนส่วนรถโดยสาร รถสินค้าและรถขนาดใหญ่จะต้องมาปฏิบัติพิธีการที่ด่านฯสะเดาแห่งใหม่
“รถจักรยานยนต์และรถยนต์ส่วนบุคคลยังสามารถใช้บริการด่านพรมแดนไทยได้ ทั้งขาเข้าและขาออก โดยขาออกกำลังหาจุดกลับรถให้อยู่เนื่องจากว่าช่วงระยะทาง 300 เมตรที่จะไปเชื่อมเป็นทางโค้งไม่ปลอดภัย” นายภาณุ กล่าว และว่า
กำลังพิจารณาว่า อาจจะต้องกำหนดจุดกลับรถใกล้ๆ ด่านฯสะเดาแห่งใหม่ เพื่อความปลอดภัยในการกลับรถ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปสำหรับจุดกลับรถ ขาออกจากด่านพรมแดนไทย


ด้าน ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา กล่าวว่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เดินทางเข้าไปดูการก่อสร้างฝั่งประเทศมาเลเซีย มีความก้าวหน้าไปมาก
“ฝั่งไทยจากการเข้าไปดูพื้นที่และคุยกับผู้ควบคุมการก่อสร้าง เขายืนยันว่าเสร็จและส่งมอบได้ตามสัญญาแน่นอน สำหรับถนนคือวันที่ 18 พฤศจิกายนน่ี้”
แต่ด่านฯสะเดาแห่งใหม่จะสามารถเปิดให้บริการได้หรือไม่ ส่วนตัวคิดว่า ยังไม่ได้ เนื่องจากยังไม่มีความพร้อม ระบบต่างๆ เช่น ทางเข้า ทางออก จุดกลับรถ ยังไม่เห็นถึงความชัดเจน
ส่วนจุดกลับรถขาเข้า บริเวณพรุเตียวเชื่อว่าจะเป็นจุดกลับรถที่อันตราย เนื่องจากเป็นทางโค้งตรงนั้นเชื่อว่า จะเป็นจุดกลับรถและโค้งอันตราย อาจจะเป็นโค้ง 100 ศพ ในอนาคต
ในขณะที่การก่อสร้างถนนเชื่อมทางฝั่งประเทศมาเลเซีย นอกจากความก้าวหน้าการก่อสร้างแล้ว ทั้งสองฝั่งของถนนเชื่อมกับฝั่งไทยจะการเปิดเป็นทางเดินพร้อมหลังคาจากด่านฯมาเลเซียมาจนถึงจุดเชื่อมของถนน ซึ่งไม่แน่ใจว่าทางฝั่งไทยจะเปิดพื้นที่ทางเดินแบบเดียวกับฝั่งมาเลเซียด้วยหรือไม่ เนื่องจากระยะทางระหว่างถนนเชื่อมชายแดนไทย-มาเลเซีย มาถึงด่านพรมแดนระยะทางกว่า 300 เมตร
“สิ่งที่เป็นกังวลของผู้ประกอบการนักธุรกิจด่านนอก คือจุดกลับรถขาออกด่านพรมแดนที่จะเปิดให้บริการเฉพาะรถจักรยานยนต์และรถยนต์ส่วนบุคคลจะอยู่ตรงไหน” ดร.สิทธิพงษ์ กล่าว และว่า
จุดกลับรถขาออกจากด่านพรมแดนไทยจะกระทบกับการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่จะเดินทางผ่านด่านพรมแดน เนื่องจากต้องเสียเวลาขับรถย้อนกลับไปยังจุดกลับรถและเรื่องความปลอดภัย
“กรณีดังกล่าวผู้ประกอบการและนักธุรกิจด่านนอก เฝ้าติดตามเรื่องการเปิดให้บริการของด่านพรมแดนและจุดกลับรถขาออกจากด่านพรมแดนเป็นอย่างมาก เพราะจะเป็นผลทางลบกับผู้ประกอบการและธุรกิจด่านนอก”



สำหรับโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดากับด่านบูกิตกายูฮิตัม ได้ดำเนินการโดยอบจ.สงขลาระยะทาง 875 เมตร แบ่งเป็น 2 ระยะ ๆ ที่ 1 โครงการก่อสร้างถนนฯ ระยะทาง 575 เมตร4 ช่องจราจร วงเงิน 63.87 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา
และระยะที่ 2 โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านฯ วงเงิน 28 ล้านบาท ระยะทาง 300 เมตร 6 ช่องจราจร ความกว้างหลัก 30 เมตร ตามสัญญาจะแล้วเสร็จวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568
โดยจุดเชื่อมของถนนระหว่างหลักเขตแดน ที่ 23/9 ถึงหลักเขตแดนที่ 23/10 มีระยะทาง 83.88 เมตร มีขนาดเท่ากันระหว่าง 2 ประเทศ และปรับมุมองศาแนวถนนของฝ่ายไทยใช้ 108 องศา ให้สอดคล้องทางมาเลเซียให้ 129 องศา
ซึ่งการบรรจบของ Center Line ฝั่งมาเลเซียจะไม่ตรงกับฝั่งไทย มีระยะห่างประมาณ 1.07 เมตร โดยทั้งสองประเทศจำกัดความเร็วก่อนถึงเขตแดน 50-60 km/hr


