ปูชนียบุคคลแห่งทุ่งระโนด(๑)
ครูผัด จันทน์เสนะ : ปูชนียบุคคลแห่งทุ่งตะเครียะ
“เทพเดินดินของชาวบ้าน”
“บางคนถึงตายไปแล้ว ก็เหมือนยังมีชีวิตอยู่ บางคนถึงยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็เหมือนตายไปแล้ว”
คำกล่าวของกวีนิรนามท่านหนึ่งในหนังสือแปลของ จิตร ภูมิศักดิ์ เคยกล่าวไว้ เช่นเดียวกับครูผัด จันทน์เสนะ อดีตครูใหญ่โรงเรียนวัดหัวป่า ต.บ้านขาว อ.ระโนด จ.สงขลา บิดาของ นายบัญญัติ จันทน์เสนะ ที่แม่เคยบอกว่า ท่านเป็นคนตั้งชื่อ นายจรูญ หยูทอง และน้องสาวคือ นาวสาวธรรมนูญ หยูทอง ครูผัด จันทน์เสนะ เป็นบุตรของ นายแดง นางพุม จันทน์เสนะ เกิดเมื่อเดือนกันยายน ๒๔๕๕ ที่บ้านสระหมื่นแสน ต.ตะเครียะ อ.ระโนด จ.สงขลา (ปัจจุบันอยู่ในท้องที่ หมู่ที่ ๑ ต.บ้านใหม่ อ.ระโนด) ในครอบครัวชาวนาที่มีอันจะกินและเป็นศูนย์กลางของชุมชน ที่ใครผ่านไปมาโดยเฉพาะนักปกครองและคนนักเลงในสมัยนั้น จะต้องแวะพักที่บ้านหลังนี้ ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๘ คนคือ นายผอม นายผุด นายผัด นายเอียด นางสาว นายสุข นายสัก และ พระมหาวิสุทธิ์ คุณครูผัดเป็นบุตรคนที่ ๓ ของครอบครัว ปัจจุบันเสียชีวิตหมดแล้ว มี
พี่น้องร่วมมารดา แต่ต่างบิดาอีก ๓ คนคือ นางลั่น นางหมุก และ นางลิ่น ปัจจุบันเสียชีวิตหมดแล้ว
เช่นกัน
ครอบครัวครูผัดเป็นครอบครัวใหญ่ เป็นศูนย์รวมของชุมชน เป็นที่พบปะประชุมปรึกษาหารือของ
คนในชุมชน และเป็นที่ไปมาหาสู่ของคนจากนอกชุมชน ในครอบครัวมีผู้ได้รับการศึกษาระดับสูงกว่าชาวบ้านทั่วไปอยู่ ๓ คน คือ คุณครูผัด คุณครูสุขและ พระมหาวิสุทธิ์ ชุมชนอันเป็นภูมิลำเนาเกิดของครูผัด ก่อนหน้านี้เมื่อมีการจัดการปกครองเป็นมณฑลเทศาภิบาล(พ.ศ.๒๔๓๙) ได้ยกเมืองระโนดเป็น “กิ่งอำเภอระโนด” ขึ้นกับอำเภอปละท่า มีเขตปกครอง
๑๐ ตำบลคือ ตำบลระโนด ตำบลท่าบอน ตำบลปากแตระ ตำบลระวะ ตำบลพังยาง ตำบลบ่อตรุ ตำบลโรง ตำบลเชิงแส และตำบลเกาะใหญ่ โดยถือ เอาคลองระโนด เป็นเขตแดนระหว่างจังหวัดนครศรีธรรมราชกับจังหวัดสงขลา
สมัยนั้น ตำบลตะเครียะ ขึ้นกับอำเภออุดร จังหวัดพัทลุง และตำบลบ้านใหม่ ขึ้นกับอำเภอเขาพังไกร จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนคุณครูผัดเกิดประมาณ ๑๕ ปี (พ.ศ.๒๔๔๐)
บริเวณคลองระโนด ยังเป็นที่ลุ่มลึกและมีช้างป่าชุกชุมมาก ดังปรากฏในรายงานราชการมณฑลนครศรีธรรมราช ร.ศ.๑๑๖ ของ พระยาสุขุมนัยวินิต ข้าหลวงเทศาภิบาล สมรสกับ นางสาวฉิ้น(สุคนธ์ สุขะนันท์) สกุลเดิม “เต้งอุ่น” แม่ค้าขายผ้า อดีตนางงามระโนด มีบุตร ด้วยกัน ๔ คนคือ นายมนูญ นายวินัย นายสำคัญ และ นายบัญญัติ
หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนฝึกหัดครูตำบลท่าชะมวง อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา มาเป็น
ครูที่โรงเรียนวัดห้วป่า ตำบลตะเครียะ อำเภอระโนด
(ปัจจุบันอยู่ในท้องที่ตำบลบ้านขาว) ซึ่งเริ่มก่อตั้งเมื่อปี ๒๔๗๕ เปิดสอนครั้งแรกโดย สามเณรหนูแก้ว
หวานนุ่น มีฐานะเป็นโรงเรียนวัด ต่อมาขอเปิดเป็น โรงเรียนประชาบาล เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๔๗๖
ชื่อ “โรงเรียนประชาบาลตำบลตะเครียะ ๓ วัดหัวป่า” เป็นครูใหญ่ คนที่ ๓ ต่อจาก นายหนูแก้ว หวานนุ่นและ นายเขต บุญคงดำ หลังจากนั้นไปช่วยราชการที่สำนักงานศึกษาธิการอำเภอระโนดอยู่ระยะหนึ่ง ต่อมากลับมาเป็นครูใหญ่ที่โรงเรียนวัดหัวป่าอีกครั้ง ปี ๒๕๐๘ เริ่มป่วยเป็นโรคโลหิตจาง จึงย้ายไป สอนที่โรงเรียนวัดเกษตรชลธี ตำบลตะเครียะ ซึ่งอยู่
ใกล้บ้าน และถึงแก่กรรมในปี ๒๕๑๐ สิริรวมอายุได้ ๕๕ ปี ครูผัด เป็นที่รักใคร่ยำเกรงของชาวบ้านเนื่องจากเป็นคนมีบุคลิกลักษณะองอาจน่าเกรงขาม มีน้ำเสียงกังวาน ท่าทางเป็นคนมากบารมี จนชาวบ้านกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ครูผัด ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นเทพ เนื่องจากเป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่น คอยแนะนำสนับสนุนให้ผู้ปกครองส่งเสียลูกให้เรียนหนังสือในระดับสูง ครูผัด มีตะบะแก่กล้าแม้แต่คนวิกลจริต ยังให้ความเคารพ เป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธา เป็นพ่อพระของชาวบ้าน
เมื่อถึงหน้าเก็บเกี่ยวข้าวใหม่ที่ชาวบ้านนิยมนำไปทำบุญที่วัดหรือนำไปให้คนเฒ่าคนแก่ที่เคารพนับถือ ชาวบ้านละแวกนี้จะเดินชักแถวไปบ้านครูผัด เช่นเดียวกับในเทศกาลประเพณีวันสารทเดือนสิบที่คนใต้ส่วนใหญ่จะนำขนมเดือนสิบไปทำบุญที่วัด จะชักแถวไปบ้านครูผัด เพื่อนำขนมเดือนสิบไปให้ด้วยความเคารพ
จากปากคำของครู ที่เป็นเพื่อนร่วมงานและบรรดาลูกศิษย์ ต่างกล่าวถึงครูผัดด้วยความนับถือและศรัทธาอย่างออกนอกหน้าความสัมพันธ์ระหว่างครูผัดกับชาวบ้าน ครูเข้าถึงทุกครัวเรือน เป็นที่พึ่งของชาวบ้านทุกเรื่อง ชาวบ้านมีปัญหาอะไรก็เข้าไปจัดการหมด เวลาชาวบ้านมีคดีพิพาท ผู้ใหญ่บ้านไกล่เกลี่ยไม่ตกลง ไปหาครูผัดจัดการเรียบร้อยหมด ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ในช่วงเวลากว่าร้อยปีที่ครูผัดเคยมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ กิตติศัพท์ของท่านยังอยู่ในความทรงจำของใครต่อใคร ทั้งเพื่อนร่วมงาน ชาวบ้านและศิษยานุศิษย์
เมื่อท่านจากไป ลูกหลานได้ร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิครูผัด-ฉีฉิ้น จันทน์เสนะ มีกิจกรรมสาธารณกุศลกับโรงพยาบาล ทุนการศึกษานักเรียนและอื่นๆ ชุมชนและลูกหลานได้ร่วมกันจัดสร้างรูปเหมือนของท่านไว้ที่หน้าอาคารเรียนโรงเรียนวัดหัวป่า และมีการจัดทำหนังสือ ”ครูผัด จันทน์เสนะ : ปูชนียบุคคลแห่งทุ่งตะเครียะ ดีเหมือนเหล้าเครียะ” จากงานวิจัยของ นายจรูญ หยูทอง รำลึก ๑๐๐ ปี ชาตกาล เมื่อปี ๒๕๕๕ ออกเผยแพร่แก่สาธารณชน เป็นงาน
วิจัยที่มุ่งศึกษาประวัติชีวิตและบทบาทที่มีต่อการพัฒนาการศึกษา และการพัฒนาชุมชนของผู้มี
รากเหง้าเป็นลูกชาวนาทุ่งระโนด ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ใฝ่การศึกษา ไต่เต้าจนได้เป็นครูใหญ่ที่ชาวบ้าน
ให้ความเคารพนับถือ เสมอกับเจ้าอาวาส สมดังคำกล่าวที่ว่า “บางคนถึงตายไปแล้วก็เหมือนยังมี
ชีวิตอยู่” มีชีวิตอยู่ในความทรงจำอันดีงงามของคนรุ่นหลัง