มานีบูฆงอ!พิธีกรรมอาบน้ำดอกไม้จชต.

boo

“มานีบูฆงอ” พิธีกรรมการอาบน้ำดอกไม้แห่งปลายด้ามขวาน การบันทึกวัฒนธรรมผ่านศิลปะ โดย “อัญชนา นังคลา”

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นบางอย่างเริ่มจางหายไปอย่างน่าเสียดาย ชุดภาพ“มานีบูฆงอ” (การอาบน้ำดอกไม้) โดยศิลปิน อัญชนา นังคลา เป็นการบันทึกวัฒนธรรมที่งดงาม และความศรัทธาของชุมชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านเทคนิคการถ่ายทอดที่ลึกซึ้งและเป็นเอกลักษณ์


ชุดผลงานสีน้ำมันนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงพิธีกรรมโบราณที่ถูกสั่งสมบ่มศรัทธามาเป็นเวลานาน แต่ยังเป็นการอนุรักษ์และถ่ายทอดจิตวิญญาณของชุมชนที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางความเชื่อ วัฒนธรรม และประเพณี

อัญชนา นังคลา ศิลปินผู้หลงใหลในวิถีชีวิตพื้นถิ่น ได้หยิบยก “มานีบูฆงอ” หรือพิธีกรรมการอาบน้ำดอกไม้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อในท้องถิ่น มานำเสนอในลักษณะที่ไม่เพียงแต่สร้างสรรค์ศิลปะ แต่ยังเป็นการบันทึกและเผยแพร่เอกลักษณ์ของชุมชนไทยมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านภาพลายเส้นและการเล่นกับสีสันสื่ออารมณ์ ไปจนถึงการเล่นกับมิติและแสง สร้างประสบการณ์ที่ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงจิตวิญญาณและความงดงามแห่งวัฒนธรรมที่กำลังจะจางหายไปในกระแสโลกาภิวัตน์

ศิลปินได้ทำการสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบจิตรกรรมร่วมสมัย โดยเกิดแรงบันดาลใจจากการตกผลึกแนวคิด ผ่านเทคนิคการเขียนสีน้ำมันบนผ้าใบลินิน รวมทั้งหมด 419 ชิ้น แบ่งออกเป็น 4 ชุดผลงาน ใช้เวลากว่า 2 ปีในการสร้างสรรค์ผลงานทุกชิ้นถูกสร้างขึ้นในจังหวัดปัตตานี และนำมาจัดแสดงเผยแพร่แก่สาธารณชนที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย MOCA

รากฐานแห่ง “มานีบูฆงอ”

ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีความซับซ้อน ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และศาสนา มีการเปลี่ยนผ่านจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พุทธมหายานสู่ศาสนาอิสลาม ซึ่งรับอิทธิพลมาจากพ่อค้าอาหรับ เปอร์เซีย และกลุ่มเผยแผ่ศาสนาที่ขยายกว้างขึ้น

“กระบวนการเปลี่ยนผ่านนี้ ไม่ได้เป็นการลบล้างวัฒนธรรมดั้งเดิมไปทั้งหมด แต่เป็นการผสมผสานความเชื่อเก่าและใหม่อย่างมีพลวัต”

ผู้คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นทายาททางวัฒนธรรมของมลายู มีพื้นฐานความเชื่อเกี่ยวกับธรรมชาติ อำนาจของพลังเหนือธรรมชาติและภูติผีวิญญาณ ก่อนที่จะผสมผสานเข้ากับพราหมณ์-ฮินดู พุทธมหายาน และอิสลามที่มีอิทธิพลในภูมิภาคนี้ จนหล่อหลอมกลายเป็นอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นจวบจนถึงปัจจุบัน

“มานีบูฆงอ” เป็นภาษาถิ่นมลายู ซึ่งหมายถึงการอาบน้ำดอกไม้ เป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตชาวมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการสืบทอดกันมานานกว่า 200 ปี เป็นพิธีกรรมการอาบน้ำที่มีองค์ประกอบหลักคือ ดอกไม้ 7 สี 7 ชนิด โดยดอกไม้ที่เลือกมาต้องปราศจากหนาม มีกลิ่นหอม และไม่มีสีดำ ซึ่งล้วนแต่เป็นพืชพื้นถิ่นในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การปฏิบัตินี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อชำระล้างสิ่งไม่บริสุทธิ์ ทั้งในร่างกายและจิตใจ ด้วยความเชื่อเรื่องพลังงานบวกที่สื่อผ่านธรรมชาติ ผู้เข้าร่วมพิธีอาบน้ำดอกไม้สามารถทำได้ทุกเพศและทุกวัย มักจัดขึ้นในโอกาสต่าง ๆ เช่น พิธีสำหรับทารกอายุครบ 7 วัน รวมกับการโกนผมไฟเพื่อขอพรให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง การสะเดาะเคราะห์สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาเคราะห์ร้าย การเปิดใจเสริมพลังแก่ผู้ที่เตรียมออกเรือน และการสร้างความสดชื่นให้หญิงหลังคลอด

ทั้งนี้ มีข้อห้ามในการใช้ดอกชบาในพิธีกรรมเนื่องจากเชื่อว่า เป็นดอกไม้ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งอัปมงคล และผู้กระทำพิธีการอาบน้ำดอกไม้นี้ จะต้องได้รับวิชาตกทอดจากบรรพบุรุษในวงศ์ตระกูลเท่านั้น ไม่สามารถร่ำเรียนเหมือนวิชาทั่วไปได้

ในมิติของความเชื่อและพิธีกรรม ดอกไม้มีบทบาทเชิงสัญลักษณ์ โดยเป็นตัวแทนแห่งความงดงาม เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งชีวิต การกำเนิดการเจริญเติบโต และความอุดมสมบูรณ์ โดยมีการเชื่อมโยงว่า ผลไม้เกิดจากดอกไม้ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารและพลังงานที่หล่อเลี้ยงมนุษย์และสัตว์มาตั้งแต่โบราณกาล ทำให้ดอกไม้ถูกมองว่าเป็นต้นธารของความอุดมสมบูรณ์ และเป็นสื่อกลางเชื่อมโยง
จิตวิญญาณกับธรรมชาติและสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ชุดภาพ “มานีบูฆงอ” ไม่เพียงแต่เป็นผลงานศิลปะ แต่ยังเป็นการสะท้อนความงามของมรดกที่ทรงคุณค่าแห่งพื้นที่ปลายด้ามขวานไทย

อัญชนา นังคลา ได้หยิบยกคุณค่าของวัฒนธรรมความเชื่อมาสื่อสารผ่านผลงานจิตรกรรมร่วมสมัย “มานีบูฆงอ” โดยการถอดสัญลักษณ์พิธีกรรมตั้งแต่เริ่มจนเสร็จสิ้น และนำความหมายเหล่านั้นมาสร้างสัญญะใหม่ สะท้อนถึงความหวังในการปลดปล่อยความทุกข์ของผู้เข้าร่วมพิธีกรรมเปรียบเป็นการคืนชีวิตให้ประเพณีที่เป็นอัตลักษณ์ของชุมชนท้องถิ่นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ชวนผู้เสพศิลป์ตั้งคำถามถึงความการจางหายของวัฒนธรรม ผ่านงานจิตรกรรมสีน้ำมันจำนวน 4 ชุด:



ชุดที่ 1 “ความหวัง ความเชื่อกับการอาบน้ำดอกไม้” ใช้สีที่ซ้อนทับหลายชั้นและเส้นที่แสดงการเคลื่อนไหวรุนแรงและอ่อนโยน มีความหนักความเบาของชั้นสี สื่อถึงสภาวะอารมณ์ที่หลากหลายของผู้คนที่มาอาบน้ำดอกไม้แต่เต็มไปด้วยความคาดหวังว่าจะสามารถปลดปล่อยความทุกข์สู่ความสุข

ชุดที่ 2 “ดอกไม้ ความงาม ความเบ่งบานสะพรั่งบาน”
ใช้เทคนิคการเขียนแบบเชื่อมต่อรูปทรงที่แสดงรูปร่างรูปทรงดอกไม้ ทั้งชัดเจนและไม่ชัดเจน ให้ความรู้สึกถึงมวลดอกไม้และบรรยากาศในห้วงเวลาต่างๆ เช่น ยามเช้าและเย็น แสดงอารมณ์สุนทรียภาพของดอกไม้ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้คน

ชุดที่ 3 “สุนทรียภาพในการอาบน้ำดอกไม้” นำเสนอรูปแบบและเทคนิคการเขียนเพื่อสื่อสารความหมายของสุนทรียภาพ โดยนำเสนอเรื่องราวผ่านรูปทรงดอกไม้ที่เสมือนล่องลอยอยู่ในสายน้ำมีการสร้างโครงสีของสายน้ำที่แตกต่างกันไปในแต่ละชิ้นงาน เคลื่อนไหวในหลายจังหวะหลายหลายทิศทาง การทับซ้อนกันจนเกิดการเคลื่อนที่ของรูปทรงในภาพ

ชุดที่ 4 “สุนทรียภาพหลังการอาบน้ำดอกไม้” เป็นชุดที่มีชิ้นงานทั้งหมดจำนวน 365 ชิ้นงาน ซึ่งมาจากจำนวนวันในหนึ่งปี มีการใช้สีและรูปทรงที่ไม่ชัดเจนเพื่อแสดงความเคลื่อนไหว สื่อสภาวะอารมณ์ที่หลากหลายของผู้คนที่มาปลดปล่อยความรู้สึกในการทำพิธีอาบน้ำดอกไม้

ผลงานชุด “มานีบูฆงอ” นี้ ไม่เพียงแต่บันทึกความงามของพิธีมานีบูฆงอ แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการสนทนาที่กว้างขวางเกี่ยวกับบทบาทของศิลปะในการอนุรักษ์ประเพณี และความทรงจำทางวัฒนธรรม

“มานีบูฆงอ” พิธีกรรมการอาบน้ำดอกไม้จะสืบสานต่อไปในโลกปัจจุบันได้หรือไม่ หรือจะเหลือไว้เพียงแต่ความทรงจำ

ประวัติศิลปิน
อัญชนา นังคลา เป็นที่รู้จักจากจิตรกรรมภาพดอกไม้ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและความหลากหลายของชีวิต

“ความหลงใหลในดอกไม้ของเธอมาจากการที่ครอบครัวดำเนินกิจการร้านดอกไม้ ทำให้เธอมีความผูกพันกับดอกไม้มาตั้งแต่เด็ก”

ศิลปินเริ่มเขียนภาพดอกไม้ตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรีและต่อเนื่องมาถึงปริญญาโทและเอก

ผลงานของเธอเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสี โดยมีความพิเศษในการใช้สีที่ตัดกันอย่างลงตัว ด้วยการเลือกใช้สีคู่ตรงข้าม (complementary colors) วางใกล้กัน ทำให้เกิดความสมดุลที่น่าทึ่ง สีสันเหล่านั้นกลมกลืนกันอย่างสวยงาม สะกดสายตาผู้ชมให้หลุดเข้าไปในสวนดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ การเล่นกับสีที่ตัดกันในผลงานของเธอสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวและภาพจำที่ชัดเจน

ติดตามชมผลงานของ อัญชนา นังคลา ได้ที่
https://www.instagram.com/vilendrof?utm_source=ig_web_button_sharesheet&igsh=ZDNlZDc0MzIxNw==


ร่วมสัมผัสความงามนิทรรศการ “ดอกไม้ในแจกัน” “My Still life” ณ หอวัฒนธรรมภาคใต้ สถาบันวัฒนธรรมศึกษากัลยาณิวัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี 15-30 มกราคม 2568

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *