ชาวตำบลหัวเขา เรียกร้องให้ ตรวจสอบเงินเยียวยาในการชดเชยเมื่อปี 58 ยืนยันเจ้าของโพงพางส่วนใหญ่ไม่ได้รับ และบางรายยังได้ไม่ครบ พร้อมกับขอความเห็นใจจากผู้ว่าฯ สงขลา วันที่ 18 พฤษภาคม 2567 ที่ ม. 4 ต.หัวเขา ได้มีตัวแทนเจ้าของโพงพาง กว่า 20 คน ภายใต้การนำของนายยาฉะ นพกะ ได้รวมตัวกันเพื่อร้องทุกข์ ขอความเป็นธรรม และเปิดใจกับผู้สื่อข่าว กรณีการจ่ายเงินเยียวยาในการรื้อโพงพาง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2558
พร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆ รวมทั้งภาพถ่ายที่ได้ไปยื่นสำรวจจำนวนโพงพางกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาให้ผู้สื่อข่าวดู ซึ่งระบุข้อมูลจากการสำรวจ มีโพงพางที่ต้องรื้อจำนวนทั้งหมด 74 ช่อง ซึ่งขณะนั้นมีการตกลงจ่ายเงินเยียวยาช่องละ 7 แสนบาท
โดยขอกว่าที่ผ่านมา มีโพงพางที่ได้รับเงินเยียวยาแค่ 29 ราย และมีชาวบ้านอีก 45 ราย ที่ยังไม่ได้เงินเยียวยาเมื่อปี พ.ศ. 2558 จนกระทั้งเรื่องเงียบไป ปัจจุบันชาวบ้าน 45 ราย ก็ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา
นายยาฉ๊ะ นพกะ หนึ่งในแกนนำ ยืนยันว่าในขณะนั้นชาวบ้านยังได้เงินเยียวยาไม่ครบ ได้เพียง 29 ช่อง และไม่ได้ชดเชยช่องละ 7 แสนตามที่รับปากไว้เบื้องต้น บางคนได้ 4.5 แสน บางรายได้ 2 แสน ได้ 1 แสน หรือได้หลักหมื่นก็มี

“จ่ายกันด้วยเงินสดโดยไม่มีหลักฐานใดๆ ยืนยันได้ว่า ชาวบ้านได้เงินแค่ 29 ราย และทุกรายไม่มีการปักโพงพางใหม่เพิ่มตามที่เป็นข่าวเลยแม้จะได้รับเงินเยียวยาไม่ครบ” นายยาฉ๊ะ กล่าว และว่า
วันนี้ยืนยันว่าเจ้าของโพงพาง 29 ช่องที่ได้รับเงินแล้วไม่มีใครปักช่องใหม่ลงไปเลย ซึ่งทางประมงและชาวบ้านได้มีการลงสำรวจร่วมกันตลอด รอบใหม่นี้การสำรวจและขอเปิดร่องน้ำโดยรื้อถอนโพงพาง 158 ช่อง ชาวบ้านที่นี่หากไม่มีโพงพางก็ไม่รู้จะทำอะไรกินเพราะชาวหัวเขาไม่มีที่ดิน ไม่มีนา มีแต่โพงพางในทะเล ที่ทำกันมา 2-3 ช่วงอายุคนแล้ว หากจะให้เราเปลี่ยนอาชีพก็ต้องมีทุนให้เราด้วยเพราะก่อนหน้านี้เราทำมาโดยไม่ผิดกฎหมาย แต่มาผิดกฎหมายทีหลังจึงไม่เป็นธรรมกับชาวบ้านที่ประกอบอาชีพมาช้านาน

“อยากให้ผู้ว่าฯ ลงมาดูพื้นที่ ลงมาคุยกับชาวบ้านหัวเขาก่อนเพื่อให้ได้รับรู้ได้เห็นความจริงจากชาวบ้านก่อน” นายยาฉ๊ะ กล่าว
ทางด้านนายสะมะแอ แก้วดอเล๊าะห์ ผู้อวุโสวัย 67 ปี บอกว่าหากินมาตั้งแต่จบป.4 จนถึงวันนี้ ขอให้ทางราชการมาเจรจากับชาวบ้านให้เรียบร้อยก่อนค่อยทำการรื้อถอน ถ้ารื้อวันนี้ชาวบ้านเดือดร้อนแน่มาร่วมกันแก้ใขให้ถูกกฎหมายก่อน เยียวยาให้ชาวบ้าน
ส่วนนายฟีอี หมัดอุหมาด เจ้าของโพงพางที่มีชื่อในผู้ได้รับเงินชดเชยเมื่อปี พ.ศ. 2558 แต่ยังไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว อยากขอให้ทุกฝ่ายเยียวยาให้ชาวบ้านก่อนแล้วพวกเราพร้อมที่จะหาอาชีพใหม่ เพราะวันนี้ในร่องน้ำที่จะรื้อถอนหากซื้อขายกันจริงๆ เป็นล้านก็ไม่ขาย เมื่อทางการขอก็พร้อมรือให้ขอแค่มีการเยียวยากันก่อน” นายฟีอี กล่าว



