พบซุกทรัพย์-รวยผิดปกติป.ป.ช.จ่อฟ้องนักการเมืองใหญ่สงขลา

เฟรมข่าวไอเน็ท เว็บ 23

ป.ป.ช.สงขลา แถลงผลการดำเนินการใน 2 ไตรมาส มี 3 เรื่องทั้งถูกคำพิพากษา ชี้มูลความผิด และผลการตรวจสอบทรัพย์สินที่พบผู้บริหารระดับสูงอปท.ในจังหวัดสงขลา ถูกชี้มูลความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินอันเป็นเท็จ และร่ำรวยผิดปกติ

วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ที่โรงแรมลากูน่าแกรนด์ แอนสปาสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา นายราม วสุธนภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสงขลา แถลงข่าวผลการดำเนินงานด้านการปราบปรามการทุจริตประจำปีงบประมาณ 2566 ไตรมาสที่ 1-2 รวม 3 คดี

80850

โดยแยกเป็นคดีที่ศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 มีคำพิพากษากรณีทุจริตประพฤติมิชอบ 1 คดีคือ กรณี นายสุนทร จันทร์งาม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกอบต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลากับพวก ถูกกล่าวหาดำเนินการ โครงการขุดลอกสันดอนทรายคลองอู่ตะเภา และคลองหลำ โดยสมรู้กันกับผู้รับจ้างเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ จากทรัพยากรของรัฐโดยทุจริต มิได้มุ่งหมายแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ไม่ตรวจสอบและควบคุมการขุดลอกคลองตามโครงการดังกล่าว แต่กลับให้ผู้รับจ้างดำเนินการดูดทรายโดยไม่ชอบ ด้วยระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณะประโยชน์ที่ตื้นเขิน พ.ศ 2547 และหลีกเลี่ยงไม่เปิดโอกาสให้มีการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ในการดำเนินโครงการดังกล่าว

ซึ่งผลการพิจารณาคดีของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ระบุว่า การกระทำของนายสุนทรฯ จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 อันเป็นการกระทำเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 4 กระทงการกระทำของนายธนาคม ขุนโหร

ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 อันเป็นการกระทำเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 3 ปี 4 เดือน และปรับ 24,000 บาท รวม 4 กระทง

80849

อย่างไรก็ตาม ในทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยทั้ง 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 12 ปี 16 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 8 ปี 10 เดือน 20 วัน และปรับ 64,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยกระทำความผิดและถูกจำคุกมาก่อน และกระทำความผิดเมื่อมีอายุ 20 ปีเศษ จึงให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 กำหนด 2 ปี ให้คุมประพฤติภายในกำหนดดังกล่าว

80845

ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสงขลา แถลงต่อว่า ยังมีเรื่องที่คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติชี้มูล 1 คดีคือ ชี้มูลความผิดในคดีกล่าวหา นายวุฒิพงษ์ วงศ์สุวรรณ อดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา กับพวก ดำเนินการจัดจ้างโครงการปรับปรุงอาคารเรียนและอาคารปฏิบัติการเกษตร วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา โดยวิธีพิเศษ ทั้งที่ไม่มีเหตุผลและความจำเป็นในการใช้การประมูลพิเศษ

80844

สำหรับพฤติการณ์การกระทำความผิดในคดีนี้ นายวุฒิพงษ์ วงศ์สุวรรณ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้อนุมัติให้ดำเนินการจัดจ้างโครงการปรับปรุงอาคารเรียนและอาคารปฏิบัติการเกษตร โดยวิธีพิเศษ ตามที่นางจริยา ศรีเพ็ชร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 เสนอ ทั้งที่ไม่เข้าเหตุผล ความจำเป็นที่จะจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ และปรากฏพฤติการณ์มุ่งหมายให้ บริษัท ไทยเอ็นจิเนียริ่ง อินโนเวชั่น แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด ได้เป็นผู้รับจ้างโครงการดังกล่าว รวมทั้งไม่มีการดำเนินการแต่งตั้งผู้ควบคุมงาน ให้ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

นอกจากนี้ คณะกรรมการควบคุมงาน ได้รับรองงานก่อสร้างปรับปรุงอาคารเรียนและอาคารปฏิบัติการเกษตร ของบริษัท ไทยเอ็นจิเนียริ่ง อินโนเวชั่น แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จํากัด ในงวดงานที่ 1 เป็นเท็จ และการก่อสร้างไม่ถูกต้อง ตามแบบรูปรายการ ทั้งงวดงานที่ 1 และงวดงานที่ 2 คณะกรรมการตรวจการจ้างได้ตรวจรับงานจ้าง และนายวุฒิพงษ์ วงศ์สุวรรณ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้อนุมัติให้เบิกจ่ายเงินค่าจ้างงวดงานที่ 1 และงวดงานที่ 2 ทั้งที่ การก่อสร้างทั้งสองงวดงาน ไม่ถูกต้องตามแบบรูปรายการ เป็นเหตุให้วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ได้รับความเสียหาย

อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวด้วยว่า ยังมีผลการดำเนินการด้านการตรวจสอบทรัพย์สิน ซึ่ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ดำเนินการ กรณีผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดสงขลา จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ

80843

ซึ่งผู้ถูกกล่าว คือ (นายก ก.) อดีตผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยข้อกล่าวหาคือ จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นและร่ำรวยผิดปกติ และเป็นกรณีที่สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสงขลา ตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สิน ของ (นาย ก.)อดีตผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรายนี้ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2555 กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 โดยที่ประชุมมีมติ รับเรื่องไว้พิจารณากรณีมีเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับการได้มาของทรัพย์สินและรายได้ กล่าวคือ รายการที่ดิน 6 แปลง ซึ่ง (นาง ข.) ภรรยา ของอดีตผู้บริหารรายดังกล่าว ให้ถ้อยคำชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2555 ได้ซื้อที่ดิน 6 แปลง เป็นเงิน 26,000,000 บาท โดยนำรายได้จากการเป็นนายหน้าขายที่ดิน (โฉนดที่ดิน ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา) จำนวน 30,000,000 บาท ซึ่งได้รับค่านายหน้าเป็นเช็คเงินสดธนาคารซีไอเอ็มบี สาขา ถนนเพชรเกษม หาดใหญ่ จากนั้นนำไปเบิกถอนออกมาเป็นเงินสดเพื่อนำไปจ่ายเป็นค่าที่ดิน 6 แปลง

80846

ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสงขลา ระบุว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2560 (นาง ข.) ภรรยา ได้นำที่ดิน 6 แปลง ดังกล่าวขายฝากกับบริษัท เครดิตฟองซิเออร์แคปปิตอลลิ้งค์ จำกัด ในราคา 27,000,000 บาท แต่ก็ไม่ปรากฏว่า(นาย ก.) และ(นาง ข. ) มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหรือมีหนี้สินลดลงแต่อย่างใด จึงเป็นเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับที่มาของทรัพย์สินและรายได้

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นควรให้สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 ดำเนินการไต่สวนร่ำรวยผิดปกติของ (นาย ก.) อดีตผู้บริหารรายนี้ต่อไป โดยเป็นมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งที่ 12/2566 ลงวันที่ 30 มกราคม 2566 ระบุว่าเป็น กรณีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 ที่จากการตรวจสอบ พบว่า (นาย ก.) ไม่แสดงรายการทรัพย์สินของตนเองและคู่สมรส (ผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยา) ได้แก่ รายการเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาหาดใหญ่ใน ชื่อบัญชี นาง ข. (ผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยา) ยอดเงิน 8,411.54 บาท และไม่แสดงรายการเงินลงทุนใน บริษัท (A) จำกัด โดย (นาย ก.) ถือหุ้น 18,000 หุ้น หุ้นละ 50 บาท มูลค่า 900,000 บาท จึงเสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และขอให้ลงโทษทางอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) มาตรา 81 และมาตรา 167
การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *