Home » ข่าว » ผวจ.สงขลาสั่งล้างบางบุหรี่เถื่อนบุกทุกช่องทาง

ผวจ.สงขลาสั่งล้างบางบุหรี่เถื่อนบุกทุกช่องทาง

ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา สั่งล้างบางขบวนการลักลอบนำเข้าบุหรี่หนีภาษีขั้นเด็ดขาด บูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปกครอง-ทหาร-ตำรวจ-สรรพสามิต-ศุลกากร สกัดทุกช่องทางลักลอบตามแนวชายแดนและจากจังหวัดใกล้เคียง มอบนายอำเภอหาข่าว-ตั้งจุดตรวจจุดสกัด

8 สิงหาคม 2566 นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา/รอง ผอ.รมน จังหวัด ส.ข. ร่วมกับ นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 แถลงข่าวการจับกุมบุหรี่ เถื่อนลักลอบหนีศุลกากร ยี่ห้อ J0hท จำนวน 1,000,000 มวน มูลค่า 4,500,000 บาท น้ำหนักรวม 1300 กิโลกรัม
ที่ลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยขนส่งผ่านศูนย์ไปรษณีย์หาดใหญ่ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา วันที่ 3 สิงหาคม 2566


นายวรณัฎฐ์ หนูรอต กล่าวว่า นโยบายกระทรวงมหาดไทย นโยบายของกระทรวงการคลัง นโยบายของกรมศุลกากร มีความสอดคล้องกันในเรื่องการป้องกันการลักลอบสินค้าหลบภาษีเข้ามาในพื้นที่จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นทราบดีว่าจังหวัดสงขลาเป็นแหล่งรวมของสินค้าหนีภาษี
โดยเฉพาะบุหรี่หลบภาษี ซึ่งสมาคมผู้ค้ายาสูบได้ประมาณการณ์ความสูญเสียที่รัฐพึงจะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีหลายหมื่นล้านบาท
“ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายเจษฎา จิตรัตน์ ได้นัดประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในเรื่องมาตรการเพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติ”
โดยกำหนดเป็น 3 กรอบใหญ่ ๆ กรอบแรกคือการลักลอบนำสินค้าผ่านตะเข็บชายแดน อ.สะเดา อ.นาทวี อ.สะบ้าย้อย รวมทั้งด่านท่าเรือสงขลา


ซึ่งมาตรการในการควบคุม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้มอบให้นายด่านศุลกากรทั้ง 4 ด่าน กำหนดมาตรการเข้มข้นในการตรวจสินค้าที่นำเข้ามาสอง ในช่องทางธรรมชาติผู้ว่าราชการจังหวัดได้มอบให้นายอำเภอพื้นที่รับผิดชอบหาข่าวและตั้งจุดตรวจจุดสกัด โดยร่วมบูรณาการกับทุกส่วนราชการ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ศุลกากร สรรพสามิต ในส่วนที่สอง ซึ่งเป็นพื้นที่ตอนในที่มีร้านค้า ผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าหลบภาษี ก็มอบให้ทางตำรวจพื้นที่ นายอำเภอพื้นที่ หาข้อมูลข่าวสารและจับกุม ร่วมกับสรรพสามิตสาม การลำเลียงสินค้าที่ไม่ใช่ชายแดนของเราแต่มาจากพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ที่อาจจะมีการลักลอบนำเข้า ไม่ว่าจะเป็นมาช่องทางผ่านจังหวัดสตูล จังหวัดตรัง หรือแม้กระทั่งสินค้าทางเรือ ฝากทางนายอำเภอ ผู้กำกับ พยายามหาข้อมูลข่าวสาร หาเบาะแส และตั้งจุดตรวจจุดสกัดเป็นระยะ ๆ “นี่คือมาตรการของเรา” นายวรณัฏฐ์ กล่าว และว่า ตอนนี้มีข้อมูลข่าวสารว่า มีการส่งสินค้าทางพัสดุภัณฑ์ ซึ่งได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งสินค้าพัสดุทุกประเภท “สำคัญยิ่งคือเราขอว่า ถ้าเกิดมีใครส่งสินค้าไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทใดก็ตาม ขอความกรุณา ขอความร่วมมือผู้ประกอบการจดรายละเอียดของผู้ส่งให้ชัดเจน”


สิ่งที่ขอก็คือให้แสดงบัตรประจำตัวประชาชน เพื่ออย่างน้อยหากมีการกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหลบภาษี หรือสินค้าผิดกฎหมายอย่างอื่น หรือ ยาเสพติด พวกเราจะได้รู้ต้นตอว่า ผู้ส่งเป็นใคร ซึ่งจะเป็นภาระหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะขยายผลต่อไป นี่คือกรอบนโยบายของจังหวัดสงขลา
นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ เผยว่า ปีงบประมาณ 2566 สามารถจับบุหรี่ในลักษณะคล้าย ๆ แบบนี้คือการจับเป็นรายย่อย ได้มูลค่ากว่า 6 ล้านมวน “คดีนี้มีประมาณ 1 ล้านมวน ที่จับได้ เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากบริษัทขนส่ง” นายยุทธนา กล่าว และว่าเรามีมาตรการในการทำงานคือ เข้าตรวจสอบบริษัทขนส่ง โดยการสุ่มตรวจ ซึ่งมี 4 -5 แห่งในอำเภอเมืองสงขลาและอำเภอหาดใหญ่ ที่ได้ทำการสุ่มตรวจอยู่เป็นประจำ


ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ได้ทำการสุ่มตรวจและตรวจพบสินค้าประเภทบุหรี่ ไม่มีอากรแสตมป์ประมาณ 200 หีบห่อ ประมาณ 1 ล้านมวน มูลค่าเกือบ 5 ล้านบาท ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นนโยบายหลัก
ของท่านอธิบดีกรมศุลกากร นายพชร อนันตศิลป์ และท่านผู้ว่าราชการจังหวัดให้หน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงศุลกากรเข้มงวดตรวจสอบสินค้าต่าง ๆ เหล่านี้


นอกจากภาระหน้าที่ในการตรวจสอบสินค้าตามแนวชายแดนแล้ว ก็ยังเข้ามาตรวจสอบบริษัทขนส่งด้วย เป็นการตรวจสอบที่เข้มข้น ทั้งในสายของโลจิสติกส์ ซึ่งทางด่านชายแดนก็มีการสุ่มตรวจสินค้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตรวจ หรือตรวจสอบด้วยระบบเอกซเรย์ เพื่อป้องกันสินค้าไม่พึงประสงค์ หรือสินค้าต้องห้าม ห้องกักที่เข้ามาในประเทศ ซึ่งมีการจับกุมเป็นระยะๆ ตลอดเวลา ทั้งด่านพรมแดนทางบกและด่านท่าเรือ


“กรณีนี้เราจะต้องส่งของกลางทั้งหมดให้กับด่านศุลกากรท่าอากาศยานหาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบในการกำกับดูแลศูนย์ไปรษณีย์หาดใหญ่”และทางด่านศุลกากรท่าอากาศยานหาดใหญ่ก็จะทำการรวบรวมข้อมูลที่ได้รับส่งให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อไปขยายผลจับกุมผู้กระทำความผิดในกรณีนี้ต่อไป


โดยกรณีนี้มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท ค่าปรับประมาณ 20 ล้านบาทเศษ ที่ผ่านมาถ้ามีผู้แสดงตนจะต้องจ่ายค่าปรับ แต่ถ้าไม่มีผู้มาแสดงตนก็ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนที่จะต้องตามหาผู้รับผิดชอบ“การจับกุมครั้งนี้มีชื่อผู้ส่งชัดเจน แต่ขออนุญาตให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนขยายผลซึ่งขณะนี้ได้ติดตามโดยใช้เบอร์โทรศัพท์ คาดว่าทุกอย่างจะรวบรวมข้อมูล ประมวลผลให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้ดำเนินการ” นายยุทธนา กล่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *