จังหวัดสงขลา ชู 4 พื้นที่โดดเด่น แหล่งอารยธรรมทะเลสาบสงขลา เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) เพื่อการบรรจุลงในบัญชีรายชื่อมรดกโลกของ UNESCO

7 ก.ย. 66 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนำเสนอสงขลา ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และคณะทำงานขับเคลื่อนการเข้าสู่บัญชีรายชื่อ “Tentative List” เพื่อนำเสนอสงขลา ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยมี ดร.หัทยา สิริพัฒนากุล หัวหน้าคณะวิชาการในการเขียนเอกสารเบื้องต้น
โครงการสงขลาสู่มรดกโลก นางเลขา สุวรรณชาตรี วัฒนธรรมจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคีเครือข่าย

ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา ประเด็นการประชุมครั้งนี้ เป็นการติดตามความก้าวหน้าการนำเสนอแหล่งมรดกวัฒนธรรมสงขลา เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น Tentative List ของ
UNESCO ประกอบด้วย 4 พื้นที่ ได้แก่ แหล่งโบราณคดีเขาคูหา, เมืองโบราณสีหยัง และเมืองโบราณพะโคะ,เมืองโบราณสทิงพระ, เมืองป้อมค่ายชิงกอร่า ณ เขาแดงและแหลมสน และเมืองเก่าสงขลา บ่อยาง

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อกำหนดขอบเขตให้มีความชัดเจน พร้อมทำความเข้าใจกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงภาคประชาสังคม เมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจนจะมีการนำเสนอตามขั้นตอนให้แล้วเสร็จภายในปี 2566 ขณะที่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสงขลา ได้รายงานการดำเนินงานกิจกรรมสร้างการรับรู้แก่เด็กและเยาวชนถึงความสำคัญของการนำสงขลาสู่เมืองมรดกโลก โดยได้รับงบประมาณจาก ปตท.สผ. ในการบูรณาการร่วมกับโครงการท่องเที่ยวสงขลาน่าอัศจรรย์ (อาหาร ดนตรี ศิลปะ วัฒนธรรม) Singora Festival ของสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน 2566 ณ บริเวณหาดสหมิหลาสงขลา – ศาลาไทย และ บริเวณแหล่งโบราณสถาน ฝั่งหัวเขาแดง

นายเจษฎา กล่าวในการประชุมว่า จังหวัดสงขลาของเรา มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการขับเคลื่อนสงขลาสู่เมืองมรดกโลก และในการดำเนินงานที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน อีกทั้ง
แหล่งมรดกสงขลา และชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลา ที่จะนำเสนอเข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น ทั้ง 4 พื้นที่องค์ประกอบดังกล่าวข้างต้น ถือเป็นตัวแทนของศูนย์กลางชุมชนที่มีการตั้งถิ่นฐานในทะเลสาบ ซึ่งเป็นทะเลแบบลากูน และมีรูปแบบการตั้งถิ่นฐานที่สะท้อนถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
“นับว่าเป็นทะเลสาบเพียงไม่กี่แห่งที่มีความโดดเด่นด้านความสำคัญทางวัฒนธรรม ที่หาได้ยากเมื่อเปรียบเทียบในกลุ่มทะเลสาบแห่งอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียแปซิฟิก” ผู้ว่าฯ เจษฎา กล่าว