เปิดประสบการณ์ “พี่แหม่ม ทรงศรี” อดีตพยาบาลวิสัญญี ศิษย์เก่าคณะพยาบาลฯ ม.อ. สู่ตัวแทนประกันชีวิต เป็นบริหารด้านการเงิน และปั้นทายาท “นักการเงิน” ที่พร้อมแบ่งปัน สร้างประโยชน์สู่สังคม
คอลัมน์ PSU Alumni Talk โดย สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ฉบับนี้ แวะมาคุยกับ “พี่แหม่ม” ทรงศรี กาญจนิศากร ศิษย์เก่าคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ตัวแทนประกันภัย และนักบริหารการเงิน


พื้นเพพี่แหม่ม เป็นคนพัทลุง นามสกุลเดิม “ศิริธร” นามสกุลพระราชทานสมัยรัชกาลที่ 6 คุณพ่อเป็นผู้จัดการธนาคาร ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้าน เรียนมัธยมต้นที่โรงเรียนสตรีพัทลุง แล้วมาต่อมัธยมตอนปลายที่โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย (ญ.ว.) จบมศ.5 รุ่นสุดท้าย ตัดสินใจสอบ “เอ็นตรง” เข้าเรียนคณะพยาบาลศาสตร์ ม.อ. ด้วยความตั้งใจที่อยากดูแลบุพการีในยามชรา จึงตัดสินใจเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ รหัสนักศึกษา 2625522
“ตอนแรกที่สอบได้ที่ ม.อ. ภูมิใจมาก เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในภาคใต้ และชื่นชอบอุดมการณ์ของพระราชบิดา การที่ยึดประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ตรงกับแนวคิดของพี่ที่อยากเรียนเพื่อนำความรู้ไปดูแลผู้อื่น”
ช่วงเวลาที่ในรั้วมหาวิทยาลัย ได้ทำกิจกรรมมากมาย ที่คณะพยาบาลฯ เป็นประธานชั้นปี 1 และเป็ฯกรรมการองค์การนักศึกษา ช่วยงานฝ่ายพัสดุ ซึ่งเป็นภาระงานที่ค่อนข้างหนักมาก รวมถึงกิจกรรมรับน้องตอนปี 2 “ชอบทำงานเบื้องหลัง” เป็นประสบการณ์ในการทดสอบตัวเองในแง่ของความรู้สึกในการเอาชนะโจทย์ที่ยากและท้าทายมาก ถือเป็นสิ่งที่ประทับใจที่มหาวิทยาลัยทำให้เราได้เกิดเรียนรู้
“การที่ได้ทำกิจกรรมเป็นสิ่งที่คุ้มค่า สอนประสบการณ์ชีวิตที่ไม่มีในตำราเรียน รู้สึกประทับใจที่ได้ทำงานกับรุ่นพี่และเพื่อน ๆ”
จบพยาบาล 4 ปี ต้องขึ้นวอร์ด และเรียนต่อเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน จึงเลือก “วิสัญญีพยาบาล” ซึ่งคนเลือกน้อยมาก เป็นลักษณะงานผู้ป่วยวิกฤติในการดมยมสลบ ซึ่งต้องเรียนต่ออีก 1 ปีสังกัดคณะแพทยศาสตร์ ภาควิชาวิสัญญีวิทยา จึงใช้เวลาเรียนทั้งหมด 5 ปี
“สิ่งที่ได้รับการหล่อหลอมจากการการที่ได้เรียน ม.อ. ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ 40 กว่าปี ยังคงอยู่ตลอดเวลา มีความอิ่มใจ ภูมิใจที่เราเป็นหนึ่งในรั้วสีบลู”
หลังเรียนจบได้ทำงานในโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ภาควิชาวิสัญญี ได้เจอเคสที่หลากหลายมาก ในขณะที่ดมยาสลบก็จะชอบพูดคุยกับคนไข้ ที่จำได้ดีประสบการณ์จากผู้ป่วยรายหนึ่ง ซึ่งเป็นราชการ มาด้วยอาการแผลกดทับติดเชื้อ เนื่องจากถูกทำร้ายที่ไขสันหลังจนกลายเป็นบุคคลครึ่งท่อน เกิดเป็นแผลกดทับ จึงต้องออกจากราชการมารักษาตัวในที่สุด
เหตุนี้ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาว่าเราไม่สามารถห้ามเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ให้เกิดได้ จึงเกิดความรู้สึกว่าเราช่วยเหลือปลายทาง หลังจากที่เกิดเหตุแล้ว แต่ถ้าจะช่วยเหลือต้นทาง ให้เขาสามารถใช้ชีวิตต่อได้ เราจะทำอย่างไรได้บ้าง โดยปัจจัยที่สำคัญคือ เรื่องการเงิน
คุณหมอท่านหนึ่งจุดประกายให้ก้าวสู่ธุรกิจประกันชีวิต และเป็นคนชักชวนให้มาทำงานประกันชีวิต ซึ่งในขณะนั้นคนส่วนใหญ่ต่อต้าน แต่เมื่อศึกษาอย่างจริงจัง เป็นงานที่มีประโยชน์
“เราเรียนจบพยาบาลที่ ม.อ. จิตวิญญาณของเราสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้เรียนในมหาวิทยาลัย 4-5 ปี นำต่อยอดมายืนถึงจุด ๆ หนึ่ง ที่จะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนได้”
การตัดสินใจเปลี่ยนสายอาชีพจากพยาบาลวิสัญญีมาสู่ธุรกิจประกันชีวิต เพราะเชื่อว่าเราสามารถช่วยเหลือคนได้หลายช่องทาง แพทย์หรือพยาบาลดูแลผู้ป่วย แต่เบื้องหลังผู้ป่วยยังมีอีกหลายอย่าง ทั้งเรื่องการเงินที่ไม่สามารถไปทำงานได้ รวมถึงญาติมาเฝ้าอย่างน้อย 1 คน จึงมองว่าถ้าเราเอาองค์ความรู้ที่เรามีมาทำอีกหน้าที่หนึ่ง ซึ่งอาจจะทำได้ดีกว่า และเกิดประโยชน์กับคนอื่นได้มากกว่า


“ที่เข้ามาทำอาชีพนี้มาด้วยใจตั้งแต่แรกโดยไม่คิดว่าลูกค้าจะซื้อหรือไม่ แต่หน้าที่ของเราคือ การเล่าให้ฟัง ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะรวยหรือประสบความสำเร็จจากอาชีพนี้ แต่เป้าหมายคือเล่าให้คนฟังอย่างน้อยวันละ 1 คน ทำแล้วมีความสุขที่ได้แชร์ประสบการณ์ในห้องผ่าตัดให้ทุกคนได้ฟังมาโดยตลอด แม้กระทั่งคนในครอบครัวลูก 2 คนก็ทำงานในสายนี้เช่นกัน”
หลังจากเลิกงานประจำทุ่มเทเวลาทั้งหมดใยการสร้างประโยชน์ในการเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาให้รู้ว่า “ประกัน” มีประโยชน์อย่างไร ทั้งเรื่องการเจ็บป่วย อายุยืน หรือทุพพลภาพ รวมไปถึงช่วยแก้ปัญหาเรื่องการจากไปก่อนอีกด้วย
ปัจจุบัน คนไทยมีปัญหาเรื่องการเงินมาก ไม่สามารถเกษียณอายุตัวเองได้ เกษียณแล้วไม่รู้จะใช้ชีวิตอย่างไร ซึ่งข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับค่ารักษาพยาบาลควบคุมภาวะเงินเฟ้อค่อยข้างยากมาก เพราะมีค่าใช้จ่ายบางอย่างที่ควบคุมไม่ได้เลย
สิ่งที่ตัวเองทำอยู่ทุกวันนี้ มองว่าองค์ความรู้เหล่านี้เรื่องการวางแผนทางการเงินต้องถูกส่งต่อให้ลูกทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นคนที่เรียนเก่ง จึงให้ลูกสาวคนโตเรียนเกี่ยวกับเรื่องการเงิน ส่วนลูกสาวคนเล็กเรียนกฎหมาย เพื่อให้มาอ่านสัญญา รู้ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรรมธรรม์ ซึ่งเป็น “นักวางแผนทางการเงิน” เช่นเดียวกัน
“พี่สอนลูกเสมอว่า สิ่งที่เราภูมิใจคือ การบริหารจัดการเรื่องการเงินได้ และพร้อมแบ่งปันประสบการณ์ให้กับคนอื่น เพราะยังมีอีกหลายคนที่ยังติดกับดักเรื่องการเงินหรือหนี้สิน เป็นสิ่งที่เราต้องช่วยเหลือคนเหล่านั้น”
แม้จะไม่ทำงานพยาบาลแล้ว แต่ทุกวันนี้ยังใช้วิชาชีพของพยาบาลในการเคลมประกันหรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรักษา ไม่ได้มีความรู้สึกห่างหายจากวิชาชีพที่ได้เล่าเรียนมา เพียงแต่ไม่ได้อยู่ในสายงานนั้นโดยตรง เท่านั้นเอง
“ตอนนี้เพื่อนรุ่นเดียวกันเริ่มเกษียณอายุ ใช้ชีวิตในการท่องเที่ยวหลังจากทำงานมาเหนื่อย แต่สำหรับพี่ไม่มีวันเกษียณ เพราะคนไทยที่ต้องเจอวิกฤติทางการเงินยังมีอีกมากมาย”
พี่แหม่ม เล่าว่า ตอนที่เริ่มทำงานด้านประกันใหม่ ๆ ได้มีตัวแทนออกจากอาชีพนี้ไป ในฐานะที่เป็นหัวหน้าหน่วย จึงเข้าไปดูแลลูกค้าต่อ พร้อมเข้าไปแนะนำตัว แต่ลูกชายเขามีทัศนคติไม่ดีกับประกันชีวิต ด้วยอาชีพพยาบาลที่มีความอดทนสูง พยายามมองอย่างเข้าใจ เราพบว่าคุณพ่อของเขามีอาการทุพพลภาพและได้ทำประกันไว้ฉบับหนึ่ง แต่กลับมีเอกสารว่าพ่อของเขาได้กู้เงินจากกรรมธรรม์ ซึ่งขณะนั้นกรรมธรรม์ยังเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด จึงอาสาโต้แย้งให้จากกรณีนี้ ใช้เวลา 2 เดือนถึงจะเคลียร์เรื่องจบ ทางบริษัทประกันกลับรายการให้ทั้งหมด พร้อมจ่ายค่าเบี้ยประกันให้ตามความคุ้มครองด้วย
“กรณีนี้สำเร็จทำให้มีความรู้สึกภูมิใจมาก เชื่อมั่นว่าเป็นการสร้างประโยชน์ การซื้อกรรมธรรม์ คือ การซื้อคำสัญญา ถ้ามีตัวแทนมีความรู้และช่วยลูกค้าอย่างเต็มที่ ลูกค้าได้ประโยชน์อย่างแน่นอน”
หลักการทำงานคือ “สิ่งที่ถูกต้องมาก่อนสิ่งที่ถูกใจเสมอ” จะสอนลูก ๆ ว่าสิ่งที่เราทำ แม้ว่าคนอื่นได้ประโยชน์ แต่เราเสียประโยชน์ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าทำแล้วทำให้คนอื่นเสีย นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาด
“ในการทำงานเรามุ่งเน้นที่คุณภาพ มีความภูมิใจที่ได้รับโล่รางวัลประกันชีวิตครบวงจร เป็นโล่ที่มีเกียรติมากสำหรับคนทำธุรกิจประกัน รวมถึงโล่รางวัลตัวแทนประกันชีวิตดีเด่น และยังทำประโยชน์เพื่อสังคม บริจาคให้กับมูลนิธิฯ หรือผู้ยากไร้ ได้มาก็ต้องแบ่งปันสู่คนอื่น ที่สำคัญพี่จะไม่เน้นที่โล่รางวัล แต่จะโฟกัสที่คุณภาพมากกว่า”
หลังทำงานมาระยะหนึ่งได้เรียนต่อปริญญาโท สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) คณะรัฐประศาสนศาสตร์ การจัดการภาครัฐและภาคเอกชน ได้เจอกับรุ่นพี่หลาย ๆ คนที่เรียนด้วยกัน ทำให้มีโอกาสช่วยงานสังคมให้กับหอการค้าจังหวัดสงขลาหนึ่งสมัย เพราะโดยส่วนตัวชอบทำงานเบื้องหลัง แต่ก็พร้อมให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่
“ลูกไม้ใต้ต้น” ที่ปรึกษาการเงิน
พี่หม่ม ประสบความสำเร็จในชีวิตครอบครัว “ตัวแทนประกันชีวิตและนักบริหารการเงิน ทั้งสองมีบุตรสาว 2 คนที่เดินตามรอยพ่อและแม่ เญาประสบความสำเร็จในอาชีพเดียวกันตั้งแต่วันเยาว์ คือ

นางสาวธนธร กาญจนิศากร เจ้าของ FB Page Nam.Finance ซึ่งจบปริญญาตรีบริหารธุรกิจบัณฑิต (Finance &Banking) จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) และเป็นนักเรียนทุนจากโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย(ญ.ว.)
ทำงานเป็น Personal Financial advisor และเป็นสมาชิก MDRT (Million Dollar Round Table) The Premier Association of Financial Professionals®(เป็นสมาคมอิสระระดับโลก ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันชีวิตและบริการทางการเงินของโลกจากกว่า
700 บริษัท )
เป็นวิทยากรบรรยายการวางแผนการเงินให้องค์กรทั้งรัฐและเอกชน, ผู้ดำเนินรายการร่วมในรายการ The Money Podcast. นักจดสรุป, Content Creator
ทั้งยังได้รับ “โลห์รางวัล” จากนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ตัวแทนประกันชีวิตดีเด่นแห่งชาติ ปี 2557, 2559, 2560 และ 2561

และ นางสาวญาดา กาญจนิศากร เจ้าของ FB Page Fahyada ที่จบปริญญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มัธยมศึกษา โรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์) คุณวุฒิวิชาชีพนักวางแผนการเงิน CFP (Certified Financial Planner) ได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตราฐานสูงสุด ด้านการวางแผนการเงินในระดับสากล
โดยทำงานเป็นนักวางแผนการเงิน, วิทยากรบรรยายของ CMSK (Center of Money Skills and Knowledge) ซึ่งเป็นสถาบันที่จัดอบรมผู้ที่ต้องการมีใบอนุญาตเพื่อประกอบวิชาชีพด้านการเงิน การลงทุน และ Wealth Management, วิทยากรพิเศษบรรยายด้านวางแผนการเงินให้กับองค์กร, Content creator
หวังม.อ.ชี้นำพัฒนาสังคมเชิงรุก
ในฐานะศิษย์เก่า ม.อ. คนหนึ่ง พี่แหม่ม มองบทบาทของมหาวิทยาลัยในปัจจุบันว่า อาจจะต้องเพิ่มเติมบทบาทในการเข้าถึงชุมชนให้มากขึ้น คิดว่ายังมีหลาย ๆ อย่างที่คนในจังหวัดต้องการองค์ความรู้ในเชิงวิชาการมาช่วย เช่น ชุมชนคลองหอยโข่งที่มีธรรมชาติอากาศที่ดี แต่เมื่อได้พูดคุยกับชาวบ้านมองว่าชีวิตความเป็นอยู่ควรดีกว่านี้ ในจุดเด่นในเรื่องการทำเกษตรสามารถนำไปประยุกต์ให้พัฒนาขึ้นกว่านี้ได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้เราสามารถทำในเชิงรุกให้กับชุมชนได้
เช่นเดียวกับ อำเภอหาดใหญ่ และจังหวัดสงขลาของเราที่มีจุดแข็งมากมาย เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะหาดใหญ่ต้องมีกลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่ดึงดูดให้คนเข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งมีจุดแข็งอาหารอร่อย แต่จะทำอย่างไรให้คนเข้าถึงตรงนี้ให้มากขึ้น
นอกจากนั้น โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หรือหาดใหญ่ของเราเป็นศูนย์กลางของโรงพยาบาล ซึ่งมีโรงพยาบาลหลายแห่ง ทำอย่างไรที่จะพัฒนาให้เป็น Wellness Center ศูนย์สุขภาพครบวงจร เพื่อรองรับสังคมสูงวัยในอนาคตอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น เราต้องเริ่มทำก่อนเพราะมีศักยภาพอยู่แล้ว มีบุคลากร และความพร้อมมากมาย ทั้งจากคณะแพทย์ศาสตร์คณะแพทย์แผนไทย คณะเภสัชศาสตร์ คณะเทคนิคการแพทย์ คิดว่าสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ มาก
“อยากเห็นว่า ม.อ. ของเราได้การนำศักยภาพและสรรพกำลังที่มีมาพัฒนาท้องถิ่นสู่ความยั่งยืนต่อไป และตอบสนองเชิงรุกกับชุมชนให้ทันสถานการณ์” พี่แหม่ม กล่าว