ภาคประชาชนขอพบ“นายกอิ๊งค์” ยื่นข้อเสนอ-ไม่ขัดขวางประชุมครม.สัญจร

IMG 1637

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 เครือข่ายภาคประชาชนภาคใต้ นำทีมโดย นายสมบูรณ์ คำแหง ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนระดับชาติ (กป.อพช.) พร้อมด้วย นายบรรจง นะแส ที่ปรึกษาสมาคมรักษ์ทะเลไทยนพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ เครือข่ายภาคใต้สีเขียว ร่วมกันแถลงถึงการเดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอแนวทางในการพัฒนาภาคใต้ ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรี นำ คณะรัฐมนตรีเดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ที่จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ 

โดยจะมีเครือข่ายภาคประชาชน จากหลายจังหวัดในภาคใต้ ประมาณ 300 คน เดินเท้าเข้าพบยื่นหนังสือ นำเสนอปัญหาต่อนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(ม.อ.)  ซึ่งเป็นสถานที่ประชุม ครม.สัญจรในครั้งนี้ 

ประเด็นหลักที่จะนำเสนอคือ ขอให้ทบทวน การนำเสนอกฎหมาย SEC หรือระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ เข้าสู่ที่ประชุมครม.แม้ทราบมาว่าไม่ได้เข้าสู่ที่ประชุมครม.ในครั้งนี้ก็ตาม 

ซึ่งกฎหมาย SEC เป็นกฎหมายที่ให้สิทธิพิเศษกับคนพิเศษคือ นักลงทุน แต่ผลกระทบต่างๆ จะเกิดกับคนในพื้นที่ จึงไม่ต้องการให้เกิดกฎหมายพิเศษสำหรับคนพิเศษในภาคใต้หรือภาคอื่นๆ ของประเทศ 

อีกทั้ง ยังมีประเด็นย่อยๆ ที่เครือข่ายภาคประชาชนอีกหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มชาวเล กลุ่มเครือข่ายคัดค้านกาสิโน และเครือข่ายสิ่งแวดล้อม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องการที่จะเดินทางเข้าพบ ยื่นหนังสือ พร้อมนำเสนอแนวทางการพัฒนาต่อนายกรัฐมนตรีโดยตรง

แต่จากการประสานงาน มีความพยายามของหน่วยงานที่จะกำหนดสถานที่ และให้ภาคประชาชนเครือข่ายต่างๆ ยื่นหนังสือกับตัวแทนนายกรัฐมนตรีเท่านั้น จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเปิดพื้นที่ เพื่อพบปะรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะกับภาคประชาชนโดยตรง ซึ่งจะถือเป็นมิติใหม่ในการประชุมครม.สัญจรนอกสถานที่

ขณะที่ นายบรรจง กล่าวว่า ขอให้นายกรัฐมนตรีเปิดพื้นที่พบปะประชาชนอย่างแท้จริง ยืนยันว่าต้องการเข้าพบและยื่นหนังสือกับนายกรัฐมนตรีโดยไม่มีเจตนาขัดขวางการประชุม และขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบอย่าสกัดกั้นจนเกิดปัญหาความรุนแรง อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาในช่วงการประชุม ครม.สัญจร ในอำเภอเมืองสงขลา เมื่อปี 2545 ซึ่งครั้งนั้นศาลฎีกาก็พิพากษาแล้วว่า ประชาชนที่เดินทางขอพบนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นไม่มีความผิดเพราะได้ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *