สส.สุรินทร์/เลขาธิการคณะกรรมการอิสลามฯ ขอบคุณรัฐบาลปลดล็อคมติครม. ยกเลิกผูกขาดสายการบินส่งพี่น้องมุสลิมไป “ฮุจญาจ” ประเทศซาอุฯ หลังอภิปรายหลายรอบสะท้อนปัญหาค่าใช้จ่ายพุ่ง ชี้หลังจากนี้ชาวมุสลิมในประเทศไทยจะมีความคล่องตัวในการเดินทางมากขึ้น

จากกรณีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 คณะรัฐมนตรี ประชุมครม. สัญจร ที่จังหวัดสงขลา ได้มีการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2561 (เรื่อง แนวทางการจัดเที่ยวบินขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์) ในประเด็น การกำหนดสายการบินในการขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ จาก กำหนดให้สายการบินแห่งชาติที่รัฐบาลประเทศซาอุดีอาระเบียมอบหมาย และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (บมจ. การบินไทย) รับผิดชอบในการขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ชาวไทยแบบเช่าเหมาลำตามความตกลงระหว่างคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย (คณะกรรมการฯ) กับกระทรวงฮัจย์และอุมเราะห์ และกรมการบินพลเรือนซาอุดีอาระเบีย ที่จะมีขึ้นในแต่ละปี
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป เป็น การขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ชาวไทยให้ดำเนินการตามความตกลงระหว่างคณะกรรมการฯ กับกระทรวงฮัจย์และอุมเราะห์ และสำนักงานการบินพลเรือนซาอุดีอาระเบียที่จะมีขึ้นในแต่ละปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2569 เป็นต้นไป และอนุมัติขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 (เรื่อง แนวทางการจัดเที่ยวบินขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์)
พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา เขต 8/รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการที่ตนได้อภิปรายในสภาไปเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ปี 2567 เนื่องจากตนได้รับร้องเรียนจากผู้แสวงบุญชาวไทยมุสลิมที่กลับมาจากมักกะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ว่าได้รับความเดือดร้อนจากจรรยาบรรณของพนักงานของสายการบินไทยที่สนามบินญิดดะฮ์ และราคาฮับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนบุคคลธรรมดาไม่สามารถรับได้

ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากตั๋วเครื่องบินที่ มติ ครม.ที่ออกมา ให้สายการบินไทยแต่เพียงผู้เดียวในการนำฮุจญาจ (ผู้แสวงบุญ)ไปซาอุดิอาระเบีย สายการบินอื่นๆฝ่ายปกครองที่เป็นเจ้าหน้าที่ซื้อตั๋วเครื่องบินไปในราคา 29,000 กว่าบาท แต่ผู้แสวงบุญต้องซื้อตั๋วเครื่องบินถึงราคา 68,000 บาท ซึ่งสูงเกินกว่าเท่าตัว และยังมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก กล่าวคือสายการบินของซาอุดิอาระเบีย ราคา 68,000 บาทเช่นกัน สามารถนำสัมภาระได้ 40 กิโลกรัม สัมภาระติดตัวแล้วแต่จะนำไป แต่สายการบินไทยให้สัมภาระเพียง 30 กิโลกรัม และสัมภาระติดตัว 7 กิโลกรัมเท่านั้น
จึงขอหารือไปยังกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงคมนาคม เพื่อหาทางช่วยเหลือผู้แสวงบุญ
“วันนี้ผมในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยต้องขอขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่ยกเลิกมติครม. ฉบับนี้ และมองเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องชาวมุสลิมทั้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และทั่วประเทศ“ สส.สุรินทร์ กล่าว และว่า

เราประสบปัญหามาอย่างยาวนาน หลังจากนี้พี่น้องมุสลิมก็จะมีความคล่องตัวในการเดินทางไปประกอบพิธีฮุจญาจ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น