เปิดรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนครั้งที่ 1 โครงการศึกษาความเป็นไปได้เส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Thailand Riviera) ช่วงสงขลา-ปัตตานี-นราธิวาส ครอบคลุมพื้นที่ 12 อำเภอ 3 จังหวัด รวมระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร เชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างเมืองหลักกับเมืองรองสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว การค้าและการลงทุนในพื้นที่
เวลา 09.00 น. วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องสมิหลา 1 โรงแรมบีพี สมิหลา บีช รีสอร์ท สงขลา อ.เมืองจ.สงขลา นายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนครั้งที่ 1 โครงการศึกษาความเป็นไปได้เส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้(Thailand Riviera)ช่วงสงขลา-ปัตตานี-นราธิวาส ครอบคลุมพื้นที่ 12 อำเภอ 3 จังหวัด ระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร
ที่กรมทางหลวงชนบท โดยสำนักสำรวจและออกแบบ ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท อินทิเกรเทดเอนจิเนียริ่ง คอนซัลแทนท์ จำกัด, บริษัท คิงส์บริดจ์ เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด, บริษัท โปรเฟสชันนัล เอนจิเนียริ่ง โซลูชั่น (พี.อี.เอส) จำกัด, บริษัท อาร์มมี เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เอ็นไวโรนเมนท์ จำกัด และบริษัท เอส เอ็น ที คอนซัลแตนท์ จำกัด โดยมีนายไผท ทันประจำสินธุ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทสงขลา กล่าวรายงาน
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อดำเนินการศึกษาและคัดเลือกแนวสายทางและรูปแบบโครงการของเส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Thailand Riviera) ช่วงสงขลา-ปัตตานี-นราธิวาส ศึกษาผลกระทบด้านสังคม สิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และการใช้ประโยชน์ที่ดิน และรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน พร้อมทั้งการศึกษาด้านเศรษฐกิจและการลงทุน ระยะเวลาดำเนินการ 450 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 มกรามคม 2568 สิ้นสุดวันที่ 28 มีนาคม2568
ขอบเขตการดำเนินงาน ส่วนที่ 1 งานศึกษาด้านการท่องเที่ยว ส่วนที่ 2 งานศึกษาด้านวิศวกรรมจราจร ส่วนที่ 3 งานศึกษาผลกระทบด้านสังคมและการใช้ประโยชน์ที่ดิน และส่วนที่ 4 งานประชาสัมพันธ์ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ เพิ่มศักยภาพของโครงข่ายสายทางในพื้นที่จังหวัดสงขลาจังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส
เพื่อพัฒนาให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้(Thailand Riviera) ช่วงสงขลา-ปัตตานี-นราธิวาสและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเดิมและสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะโดยคำนึงถึงศักยภาพของแต่ละพื้นที่การส่งเสริมการท่องเที่ยวพำนักระยะยาว เพื่อให้ประเทศสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างเมืองหลักกับเมืองรองสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว การค้าและการลงทุนในพื้นที่ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบนิเวศและทรัพยากรที่เอื้อต่อการเติบโตของการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและกระจายโอกาสในการสร้างรายได้ไปสู่ชุมชน เพื่อปรับปรุงถนนทางหลวงชนบทให้มีมาตรฐานความปลอดภัย ต่อเติมโครงข่ายการคมนาคมขนส่งให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
สำนักข่าวโฟกัส
