บทบาทการเมืองของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ วันนี้ทั้งในฐานะ “แม่ทัพภาคใต้” พรรคภูมิใจไทย และการรับตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม” ในรัฐบาลชอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นที่จับตาเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะในฐานะที่เป็นคนสงขลา และคนใต้
โดย นายพิพัฒน์ ผ่านประสบการณ์ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน และ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร
และเริ่มมีชื่อ “อยู่เบื้องหน้า” ทางการเมืองครั้งแรก หลังจากสร้างผลงาน 8 สส. ภาคใต้ เมื่อการเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 ในรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในบทบาทรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายพิพัฒน์ เป็นชาวอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนแสงทองวิทยา จบปริญญาตรีและปริญญาโท สาขารัฐศาสตร์ จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
เริ่มงานการเมืองโดยการชักชวนของ นายวัฒนา อัศวเหม ขณะก่อตั้งพรรคมหาชน เมื่อปี พ.ศ.2541 และในพ.ศ. 2564 ได้รับแต่งตั้งเป็นรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และเป็นคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค

เอกชนหวังแก้ปัญหา-พัฒนาจากชายแดน
ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่สงขลา กล่าวถึงการรับตำแหน่งรองนายกมนครีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการว่า บทบาทอาจต่างกับเมื่อดำรงตำแหน่งร้ฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่เราก็คาดหวังเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การเดินทางเชื่อมโยงไทย-มาเลเซีย การให้ความสะดวกในการยื่นเอกสารหน้าด่านเปลี่ยนเป็นออนไลน์ได้ หรือแก้ปัญหารถติดในช่วงเทศกาล
เส้นทางคมนาคมระหว่างด่านใหม่กับเก่าที่อยากให้ใช้งานคู่กัน ขณะนี้เส้นทางเชื่อมกับด่านใหม่ยังมีระยะไกลหากต้องเดินเท้าสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้นำรถมา และเป็นอันตรายเพราะทางเดินยังไม่มี แต่จะเป็นถนนสำหรับรถวิ่งทั้งหมด
ในขณะที่ฝั่งมาเลเซียจัดทำทางเดินรถกับคนแยกกัน เป็นถนนอยู่ในการดูแลของอบจ.สงขลา แต่เราก็อยากให้มี เพราะเป็นเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน
เส้นทางระหว่างหาดใหญ่กับด่านสะเดาเราคาดหวังให้เกิดมอเตอร์เวย์ เป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน แต่ก็ยังมีทางอีกเส้นเป็นคู่ขนานมอเตอร์เวย์ หากท่านผลักดันให้เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ได้จะเป็นการอำนวยการจราจรได้ดียิ่งขึ้น
ที่คนอยากเห็นคือเส้นระหว่างปาดังเบซาร์เชื่อมกับสตูล หากเกิดขึ้นจะเป็นการสร้างเศรษฐกิจใหม่และความเจริญของทั้งสองพื้นที่ แทนที่จะข้ามไปฝั่งเปอร์ลิสแล้วมาออกที่วังประจัน สตูล ที่ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ถึง ในขณะที่วิ่งฝั่งไทยต้องอ้อมและใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะถึงสตูล
เรื่องรถไฟรางคู่ แผนเดิมจะดำเนินการจากบนลงล่าง ซึ่งก็ให้คงอยู่ แต่เราอยากให้ท่านพิจารณาดำเนินการจากล่างขึ้นบนด้วย ขั้นต้นก็เชื่อมรางคู่ระยะ 50 กม.จากปาดังเบซาร์มาหาดใหญ่ ซึ่งหากทำได้ก็จะเชื่อมกับมาเลเซียที่ได้ดำเนินการแล้ว
อีกเรื่องคือการดูแลราคาตั๋วเครื่องบินหาดใหญ่-กรุงเทพฯ ที่แพงมาก ซึ่งอาจต้องแก้กฎหมายเพราะได้วางเรตราคาไว้สูงถึง 6,000-7,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อเป็นธรรมกับผู้โดยสารมากขึ้น
“ทั้งหมดนี้เราเองไม่รู้จะคาดหวังให้ใครดำเนินการแก้ปัญหา ก็ฝากท่านรมว.คมนาคมคนบ้านเรา อยากเห็นท่านช่วยแก้ไขให้เป็นรูปธรรม” นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา กล่าว

ผู้บริหารท้องถิ่นหวังทั้งภาคใต้-เมืองใหญ่
นายสินธพ อินทรัตน์ นายก อบต ท่าข้ามอ.หาดใหญ่ กล่าวว่า เป็นความคาดหวังสูงต่อการพัฒนาภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดสงขลา ภายใต้
การนำของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ
“มีความคาดหวังอย่างสูงต่อการพัฒนาภาคใต้โดยรวม เนื่องจากรองนายกรัฐมนตรีมีพื้นเพเป็นคนสงขลา เขยพัทลุง ในพื้นที่ภาคใต้” นายสินธพกล่าว และว่า
โครงการพื้นฐานด้านคมนาคม: เส้นทางหลักทั่วภาคใต้ ถนนสายหลักจากประจวบคีรีขันธ์ลงสู่ภาคใต้ทั้งหมดจะต้องได้รับการยกระดับและปรับปรุงให้ได้มาตรฐานที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การแก้ไขปัญหารถติดในหาดใหญ่: รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะต้องร่วมมือกับเทศบาลนครหาดใหญ่ เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหารถติดอย่างเร่งด่วน โดยการเพิ่มเส้นทางลัด, เส้นทางบายพาส หรือขยายเส้นทางที่มีอยู่
เส้นทางเชื่อมต่อชายแดน: เส้นทางจากปาดังเบซาร์มายังหาดใหญ่ ต้องมีมาตรฐานที่สูงขึ้น เพื่อสร้างความปลอดภัยและแก้ไขข้อร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวมาเลเซีย
เส้นทางรอบเมือง: เมืองหลักและเทศบาลรอบๆ หาดใหญ่ จำเป็นต้องมีเส้นทางหลักหรือเส้นทางเชื่อมต่อเพิ่มเติม เพื่อรองรับการขยายตัวของเมือง
ระบบราง: การพัฒนารถไฟทางคู่จะต้องดำเนินต่อไป
การเชื่อมโยงสนามบินระหว่างเมือง: เส้นทางคมนาคมระหว่างสนามบิน เช่น เบตง-หาดใหญ่,หาดใหญ่-สุราษฎร์ธานี-ชุมพร และหาดใหญ่-ภูเก็ต จะต้องได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อรองรับการเติบโตของการท่องเที่ยวในภาคใต้ ทั้งสองฝั่ง
(อันดามันและอ่าวไทย)
การพัฒนาเศรษฐกิจและท่าเรือน้ำลึก:ควรจะต้องทำให้เปิดใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อรองรับการถ่ายโอนสินค้าและลดการพึ่งพาท่าเรือปีนัง ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องมีการวางแผนอย่างจริงจัง
“ความคาดหวังอย่างยิ่งว่าพรรคภูมิใจไทยและรองนายกรัฐมนตรีจะสามารถผลักดันการพัฒนาเหล่านี้ให้เกิดขึ้นได้จริง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจในภาคใต้” นายสินธพ กล่าว

ขณะที่ นายนราเดช คำทัปน์ นายกเทศมนตรีเมืองเขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา กล่าวว่า หลายฝ่ายมีความคาดหวังและมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาจังหวัดสงขลา ภายใต้การดูแลของรัฐมนตรีพิพัฒน์สูงกว่าเดิมมาก ภายใต้การดูแลของรัฐมนตรีพิพัฒน์
เหตุผลเพราะความเข้าใจในพื้นที่รัฐมนตรีของนายพิพัฒน์ ที่เป็นคนในพื้นที่ ทำให้สามารถรับรู้ปัญหาและมีข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดสงขลาอยู่แล้ว การนำเสนอเรื่องเพื่อแก้ไขจึงไม่ต้องอธิบายมากนัก
“ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติความคาดหวังนี้ไม่ได้มาจากสาเหตุที่ท่านเป็นคนสงขลาแล้วจะได้รับงบประมาณพิเศษ แต่เป็นเพราะท่านมีความเข้าใจปัญหาในพื้นที่เป็นอย่างดี ทำให้การพัฒนาจะดีขึ้นกว่าเดิมมาก” นายนราเดช กล่าว และว่า
ผลลัพธ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นคือ การแก้ไขปัญหาที่ดีขึ้น ปัญหาต่างๆ ของจังหวัดสงขลาจะได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพและดียิ่งขึ้น
เป็นการพัฒนาที่ตรงจุด การสนับสนุนและส่งเสริมด้านการพัฒนาจะตรงเป้าหมายและตรงจุดมากยิ่งขึ้น
แม้รัฐมนตรีพิพัฒน์จะมีความเข้าใจในพื้นที่สงขลา แต่ในฐานะรัฐมนตรี ท่านก็มีหน้าที่ดูแลทั่วประเทศ และมีวิสัยทัศน์ในการดูแลประเทศโดยรวมดังนั้น คาดหวังสำหรับจังหวัดสงขลาคือ “แก้ไขตรงเป้า พัฒนาตรงจุด”
ท่านประสบการณ์สูง โดยเคยดำรงตำแหน่งใน 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากระทรวงแรงงาน มาถึงกระทรวงคมนาคมในวันนี้
ขณะที่ประสบการณ์กับจังหวัดสงขลา: การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาจังหวัด
ด้านแรงงาน สงขลามีปัญหาด้านแรงงานจำนวนมาก ขณะที่ด้านคมนาคม สงขลามีความต้องการการพัฒนามาก เนื่องจากเป็นชุมทางของภาคใต้ เป็นศูนย์กลางภาคใต้ตอนล่าง และเป็นเส้นทางเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งท่านสามารถมองเห็นปัญหาต่างๆ ของสงขลาได้อย่างเป็นองค์รวม

ภาคประชาชนมองเห็นโอกาสการพัฒนา
นายประนอบ คงสม ประธานชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ใมแง่ของการรุกพื้นที่ หากท่านเข้ามาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานก็สมารถทำได้เยอะ สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ได้
ถ้ามองการพัฒนาเพียงแต่ด้านใดด้านหนึ่งก็จะแคบ การพัฒนาต้องไปพร้อมกันทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตคน ไม่อยากให้เกาะติดแต่เรื่องคมนาคมเพียงส่วนเดียว แต่การบูรณาการเรื่องต่างๆ เข้ามาก็เกิดขึ้นได้ยากในทางการเมือง
“ปัญหาของพี่น้องประชาชาชนขณะนี้คือเศรษฐกิจ สินค้าเกษตรราคาต่ำ ยกตัวอย่าง เราสร้างถนนอย่างดี ทั้งจังหวัดจะแก้ปัญหานี้ได้หรือไม่ แต่หากแก้ปัญหาให้ประชาชนดำรงชีพอยู่ได้พึ่งพาตัวเองได้โดยไม่เดือดร้อน ก็จะตรงจุดกว่า”
หากพยุงราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้นก็จะไปดันเศรษฐกิจชุมชนต่างๆ ขึ้นมา ขณะนี้การค้าขายซบเซามาก ทั้งหาดใหญ่ สงขลา
การจัดทำโครงการพัฒนาคมนาคมก็ต้องนำไปสู่การสร้างเศรษฐกิจ เช่น ถนนนำนักท่องเที่ยวไปสู่ชุมชน หรือลำเลียงสินค้าเกษตรได้สะดวกรวดเร็วขึ้นเช่น ภาคประชาชนมีการทำเกษตรแปลงใหญ่ ถ้ารัฐรองรับตรงนี้ได้ก็จะเป็นการตอบโจทย์ ไม่ใช่แค่การได้สร้างถนนมากกว่ายาวกว่า แต่ประโยชน์ไม่เกิดขึ้นกับสังคมในทุกภาคส่วน

อ.อรัญ คงนวลใย ประธานชมรมบินหลาหาข่าว สวท. สงขลา กล่าวว่า ที่ผ่านมาท่านก็เป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง แม้คมนาคมเป็น
กระทรวงใหม่ที่ท่านรับผิดชอบ ก็น่าจะเป็นการสร้างโอกาสให้กับคนสงขลา คนภาคใต้ได้ การสานต่องานด้านการคมนาคมขนส่งระหว่างชายแดนของสงขลากับประเทศเพื่อนบ้านก็น่าจะได้รับการดำเนินงานสานต่อได้มากขึ้น
“เป็นโอกาสของคนสงขลา คนภาคใต้รวมทั้งชายแดนภาคใต้ทั้งหมดในการพัฒนาการคมนาคมขนส่ง” อ.อรัญ กล่าว และว่า
ย้อนไป ถนนเพชรเกษมที่เป็นเส้นทางสายหลัก ระยะทางกว่าหนึ่งพันกิโลฯ โอกาสในการนำเสนอการดูแลเส้นทางนี้ ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่เท่าที่ควร หากเทียบกับเส้นทางหลักในภาคอื่นๆ เรื่องนี้เป็นที่รับรู้กันอยู่ ไม่มีทิศทางในการพัฒนาที่ชัดเจน ทั้งๆ ที่เรามีการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านเช่นเดียวกัน มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียใช้เดินทางเข้าออกมากที่สุดจากด่านเข้าออกทั้งหมดและมีแต่จะเพิ่มขึ้น แม้แต่รัฐบาลส่วนกลางเองก็ยอมรับในเชิงพื้นที่ มีการสร้างด่านใหม่ๆ แต่ก็ขาดถนนที่จะเชื่อมต่อ เราขาดคนผลักดันการพัฒนาเส้นทาง ไม่มีนักการเมืองบ้านเราที่จะผลักดันเรื่องนี้
“ตรงนี้ก็เป็นโอกาสที่ดี หากท่านรัฐมนตรีพิพัฒน์จะดำเนินการ แม้จะดำรงตำแหน่งในเวลาสั้นๆ แต่ก็ถือเป็นโอกาสที่สูงในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม”
อ.อรัญ กล่าวด้วยว่า ให้กำลังใจท่าน เห็นผลประโยชน์ต่อประชาชน ขอให้มองการเมืองเป็นรองแต่ประโยชน์ของประชาชนเป็นเรื่องใหญ่

นักวิชาการชี้ข้อจำกัด“เวลา”
รศ.ดร.บูฆอรี ยีหมะ อาจารย์ประจำภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา กล่าวว่า ในการทำโครงการของกระทรวงคมนาคม หากท่านรัฐมนตรีจะลงมาทำในพื้นที่สงขลาโดยตรงก็อาจถูกมองในทางการเมืองได้
ยิ่งขณะนี้พรรคภูมิใจไทยมีกระแสจะลงมาแข่งขันในจังหวัดสงขลาเต็มที่ก็อาจถูกครหาได้ว่าเกี่ยวโยงกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นไม่นานหลังจากนี้
หรือแม้แต่บทบาทในตำแหน่งรองนายกฯของท่านผมเองก็ไม่ได้รับทราบว่าดูแลในเรื่องใดบ้าง
“อาจเป็นเพราะเป็นการดำรงตำแหน่งในช่วงสั้นๆ ตามที่เป็นข่าวจึงอาจไม่ได้รับความคาดหวังจากประชาชนมากนัก อาจเป็นการคาดหวังที่ไม่ได้คาดหวังมากนัก แม้ว่าโดยความเป็นจริงก็อยากให้เข้ามาแก้ปัญหา แต่เมื่อเป็นช่วงระยะเวลาที่สั้น จุดโฟกัสของประชาชนจึงไม่ได้คิดหวังอะไรมาก เป็นเพียงรัฐบาลชั่วประเดี๋ยว รอรัฐบาลชุดใหม่หลังเลือกตั้งที่สามารถช่วยประชาชนได้มากกว่า” รศ.ดร.บูฆอรี
กล่าว







