ลิง‘เขาตังกวน’ถึงขั้นวิกฤติ! สงขลานำร่อง 3 พื้นที่แก้ปัญหา

web 5

“ลิงเขาตังกวน” เข้าขั้นวิกฤติ จังหวัดสงขลาเตรียม
ตั้งคณะทำงาน 3 พื้นที่ร่อง “เขาตัวกวน-เกาะยอ-เขาคอหงส์” แก้ปัญหาลิงกับชุมชน “รองฯ มาหะมะ
พีสกรี” มั่นใจท้องถิ่นได้รับมอบอำนาจดำเนินการ จะแก้ปัญหาได้ตามเป้าหมาย

นายมาหะมะพีสกรี วาแม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ในฐานะประธานคณะกรรมการและคณะทำงานบริหารจัดการปัญหาลิงในพื้นที่จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานบริหารจัดการปัญหาลิงในพื้นที่จังหวัดสงขลา ครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 การทำงานเปลี่ยนไปจากเดิม
เดิมไม่เข้าเป้า คือใช้วิธีการทำหมัน โดยตั้งงบประมาณทำหมัน เพื่อที่จะคาดหวังจะลดประชากรลิง ซึ่งทำได้หลายวิธี ทำหมันบ้าง กำหนดจุดการให้อาหาร และเสริมอาหารบนเขา โดยไม่มีเป้าหมายว่า
จะเสร็จเมื่อไหร่ เพราะทำไปในระยะ 5 ปี เป็นแผน 5 ปี
ทำมา 1 ปี ก็มาทบทวนกันเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ก็ได้
ผลสรุปจากการประชุมว่า เราต้องมีเป้าหมายว่าจะทำ
หมันไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีจุดสิ้นสุด
“จะตอบประชาชนไม่ได้ ตอบตัวเองก็ไม่ได้ว่า
10 ปี ประชากรลิงจะลดลง หรือ 10 ปี ประชากรลิงจะหมดไปจากพื้นที่ หรือว่าปัญหาจะสิ้นสุดหรือไม่ เพราะ ฉะนั้น ต้องมีวิธีการที่ดีกว่านี้” รองผู้ว่่าฯ สงขลา กล่าว และว่า
เราสรุปว่าจะต้องตั้งคณะทำงานชุดย่อยลงไปอีกใน 3 พื้นที่ เขาตังกวน เกาะยอ อ.เมืองสงขลา และเขาคอหงส์ อ.หาดใหญ่ เป็นพื้นที่นำร่อง โดยคณะ
ทำงานชุดนี้จะมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะทำประชาคมกับประชาชนใน 3 พื้นที่นำร่องก่อนว่าประชาชนประสงค์ที่จะคงอยู่ร่วมกับลิงด้วยความสันติ ในลักษณะไม่รบกวนซึ่งกันและกัน
หรือว่าไม่ประสงค์จะอยู่ร่วมกับลิง อยากให้มีการนำลิงออกจากพื้นที่ไป ถ้าประชาชนตอบมีความประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งวิธีการก็ต่างกัน
ถ้าประชาชนตอบว่า ไม่เป็นไรให้ประชากรลิงอยู่ไป แต่ว่าขออย่าให้ลิงมารบกวนประชาชน วิธีการจัดการก็จะต่างกัน แต่ถ้าประชาชนบอกว่า ให้เอาลิงออกจากพื้นที่วิธีการก็จะต่างกัน
“แต่จากการสอบถามผู้แทนของ 3 พื้นที่นำร่อง ส่วนใหญ่บอกว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ประสงค์ที่จะลิงอยู่ร่วมด้วย อยากให้นำลิงไปไว้ที่อื่น”
เพราะ ฉะนั้น ถ้าเป็นแบบนี้เราต้องกำหนดวิธีการคือ ทำหมัน นั่นก็ต้องจับลิงทำหมัน แล้วไม่ปล่อย
กลับสู่ธรรมชาติหรือปล่อยกลับที่เดิม
เมื่อทำหมันแล้วก็จับไปไว้ที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งกำลังมองหาสถานที่อยู่ อาจจะเป็นเกาะที่เหมาะสมที่มีอาหารบริบูรณ์หรือว่าเป็นสถานที่เป็นที่สาธารณะทำเป็นกรงขึ้นมา แล้วก็ให้อาหารดูแลลิงอย่างดีไม่ให้ลิงมีความเดือดร้อน โดยการจับทำหมันแล้วก็นำไป
เก็บไว้ในสถานที่เตรียมไว้ จากเดิมที่เราทำหมันแล้วก็ปล่อยกลับที่เดิม
“เมื่อเราจับทำหมันแล้วก็นำไปไว้ในสถานที่ ๆ เตรียมไว้ ประชากรลิงก็จะลดลงเรื่อย ๆ และลิงจะนำ
ไปไว้ยังสถานที่ ๆ เตรียมไว้ก็จะตายตามอายุขัย โดยธรรมชาติ ภายใต้การดูแลให้อาหารปกติ”
เมื่อลิงที่นำไปไว้สถานที่ ๆ เตรียมไว้ สิ้นอายุขัย
ไป ประชากรลิงก็ลดลงโดยปริยาย เพราะ ฉะนั้น มีเป้าหมายชัดเจนว่า ภายใน 5 ปี ภายใน 10 ปี ภายใน 20 ปีก็ตาม ประชากรลิงก็หมดจาก 3 พื้นที่นำร่อง
จากเดิมที่เราไม่มีเป้าหมาย ทำงานแบบทำไปในความมืด เพราะว่าประเด็นคือ เมื่อก่อนทางท้องถิ่น
โดย อบต. เทศบาล ทำไม่ได้ เนื่องจากเป็นอำนาจของ
กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มอบอำนาจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ก็ปลดล็อคให้ท้องถิ่นสามารถดำเนินการได้
“เป็นกฎหมายตัวใหม่ที่ประกาศออกมา ซึ่งทาง
ท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ว่าเป็นอบต.หรือเทศบาลก็ตามเป็นเจ้าพนักงานในการที่จะกำกับดูแล มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลลิงที่เป็นสัตว์คุ้มครอง”
อันนี้คือ หัวใจหลักในการที่จะดำเนินการอย่างเป็นระบบ และสามารถโยกย้ายลิงไปสู่ที่อื่นใน
ฐานะเจ้าพนักงาน จากเดิมที่ท้องถิ่นไม่สามารถดำเนินการได้ ฉะนั้น นับจากนี้ไปกฎหมายอนุญาตให้
เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบต. และเทศบาล เป็นเจ้าพนักงาน และสามารถโยกย้ายลิงไปไว้ที่อื่นได้
“เราก็ค่อย ๆ โยกย้ายไปในแต่ละปี และจับทำ
หมัน โยกย้าย จับทำหมันโยกย้าย เชื่อว่าวันหนึ่งลิง
ก็จะหมดไปจากพื้นที่ ๆ ประชาชนไม่ต้องการอยู่ร่วม
กับลิง พูดได้ชัดเจนว่าหลังจากนี้จะทำงานแบบมีเป้าหมายมากขึ้น”
สำหรับการประชาคมใน 3 พื้นที่นำร่องนั้น ขั้นตอนแรกจะต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาก่อน ซึ่งจะตั้งคณะทำงานให้เร็วที่สุด โดยมีนายอำเภอแต่ละอำเภอ เป็นประธานคณะทำงาน
แล้วก็มีนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเทศบาลนครสงขลา เทศบาลนครหาดใหญ่ หรือองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะยอ เป็น
รองประธาน โดยมีปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเลขานุการ
“เมื่อท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้ลงนามใน
คำสั่งแล้วก็จะรีบดำเนินการทำประชาคมใน 3 พื้นที่นำร่องโดยเร็วที่สุด เมื่อทำประชาคมแล้วเสร็จผล
ออกมาประการใด ก็มีวิธีการออกมาพร้อมกัน”
สำหรับสถานการณ์ใน 3 พื้นที่นำร่องปัจจุบันนั้น พื้นที่ที่ค่อนข้างวิกฤติคือ เขาตัวกวน ส่วนที่เกาะยอ ประชากรลิงยังพออยู่กันได้กับประชาชน เนื่องจากพื้นที่กว้าง ในขณะที่ประชากรลิงยังไม่มาก
“ที่เขาตังกวน ประชากรลิงล้นพื้นที่ แล้วออกมา
ในพื้นที่สาธารณะเป็นประจำ และพฤติกรรมของผู้มีจิตใจดีต่อสัตว์ให้อาหารไม่เป็นตามที่กำหนด”
ซึ่งมีการกำหนดจุดที่ให้อาหารไว้ชัดเจน แต่พฤติกรรมของผู้คนเหล่านี้ให้อาหารไม่เป็นไปตามที่กำหนด ให้ตามความพอใจ ทำให้ลิงออกมาในที่สาธารณะ
ฉะนั้น จุดเร่งด่วนก็จะเป็นที่เขาตัวกวน จุดที่สอง ที่เขาคอหงส์ และจุดที่สาม ที่เกาะยอ ที่จะต้องเร่งดำเนินการตามลำดับความเร่งด่วน
“ถือว่ามีความหวังการแก้ปัญหาลิงในพื้นที่นำร่อง 3 พื้นที่จะดีขึ้น เพราะเมื่อท้องถิ่นได้รับมอบอำนาจในการกำกับดูแลแก้ปัญหา ก็สามารถดำเนินการได้ทันที”
นายมาหะมะพีสกรี กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน
ก็มีการคุยกันถึงเรื่องการจัดตั้งกองทุนสำหรับผู้ที่มี
จิตใจจะให้อาหารลิง ก็สามารถบริจาคเงินเข้ากองทุน เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำไปดูแลลิง มากกว่าการให้อาหารปกติ โดยการดูแลลิงทั้งในเรื่องอาหาร เรื่องสุขภาพลิง การรักษา ที่มีการจับไปยังสถานที่ ๆ เตรียมไว้
“เป็นกองทุนที่เปิดให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาลิงร่วมกับภาคราชการ ซึ่งจะเป็นการเสริมให้ทางราชการ ที่อาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณ ทำให้มีความเข้มแข็งในเรื่องงบประมาณมากยิ่งขึ้น ก็จะตั้งกองทุนขึ้นในอนาคต” นายมาหะมะ
พีสกรี กล่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *