“ผู้ว่าฯ เจษฎา” เตรียมตั้งคณะทำงานทุกภาคส่วนแบ่งภารกิจซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ปี 2568 หลังรับมอบ“ธงเจ้าภาพ” ที่กัมพูชา เผยเบื้องต้นหารือกรุงเทพมหานครและจังหวัดชลบุรี กระจายชนิดกีฬา มั่นใจชาวสงขลาเป็นเจ้าบ้าน และเจ้าภาพที่ดี
หลังจากที่ นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และคณะเป็นผู้แทนของจังหวัดสงขลา เข้าร่วมในพิธีมอบธงเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ปี 2025 ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 ในพิธีปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ณ ที่สนามกีฬาแห่งชาติมรดกเตโช ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา
“สิ่งที่จะต้องดำเนินการหลังจากกลับไปคือ การสร้างการรับรู้ ให้ทุกภาคส่วนในจังหวัดสงขลาให้เร็วที่สุดว่า ขณะนี้การรับธงเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นไปอย่างเรียบร้อย และเป็นทางการ โดยได้รับฉันทามติจากรัฐบาลให้เป็นเจ้าภาพร่วมกับกรุงเทพมหานคร และจังหวัดชลบุรี” ผู้ว่าฯ เจษฎา กล่าว และว่า
การเตรียมการในส่วนของแต่ละจังหวัดนั้น ได้พูดคุยเบื้องต้นทั้ง 3 จังหวัดว่า ทุกจังหวัดให้ไปเตรียมความพร้อมของสถานที่แข่งขันของตัวเองให้พร้อม” ส่วนเรื่องชนิดกีฬานั้น จะมีการพูดคุยกันว่า จะแบ่งมอบภารกิจให้จังหวัดไหนรับผิดชอบกีฬาอะไรบ้าง แต่ต้องดูเรื่องความพร้อมของแต่ละจังหวัดเป็นหลัก
“สิ่งแรกที่อยากจะเรียนก็คือว่ากลับไปก็คงต้องตั้งทีมงาน ตั้งคณะทำงาน ที่รับผิดชอบในภารกิจเหล่านี้ให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน การมีส่วนร่วมของจิตอาสาหรือของผู้ที่จะเข้ามาช่วยเหลือ” คงจะใช้เวลาไม่เกิน 1-2 เดือน ในการเตรียมทีม
เพราะเรายังมีเวลาที่จะต้องทำหลายเรื่อง ก็จะได้คุยกันในคณะทำงานที่จะแต่งตั้งให้ครอบคลุมทุกด้าน
นายเจษฎา กล่าวว่า การเตรียมพร้อมในช่วงที่ผ่านมานั้น ความพร้อมก่อนที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ เราก็มองเห็นศักยภาพของเราแล้ว เรามีศักยภาพ ชนิดกีฬาอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง เช่น สนามกีฬาติณสูลานนท์ในเขตเทศบาลนครสงขลามีความพร้อมที่จะสามารถรองรับทั้งกีฬาฟุตบอลในระดับ 25,000-30,000 คนได้ ซึ่งเป็นสนามที่ได้รับมาตรฐานจากฟีฟ่า
ฉะนั้น การยอมรับตรงนี ้ก็ต้องมาปรับปรุงว่า เหลือส่วนไหนบ้างที่จะต้องปรับปรุง เช่น เก้าอี้ที่ชำรุด ทรุดโทรม เราจะได้ร่วมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด ในการตั้งงบพัฒนาให้เป็นมาตรฐานยิ่งขึ้น สำหรับการตื่นตัวของจังหวัดที่แสดงถึงความพร้อมการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์นั้น ก็คงต้องกลับไปคุยกัน และจะมีข้อเสนอจากฝ่ายต่าง ๆ ที่จะตั้งเป็นคณะทำงานมาช่วยกันดูว่า เราจะต้องวางแผนการสร้างการรับรู้ การประชาสัมพันธ์ และความร่วมมืออย่างไร ก็หวังว่าทุกภาคส่วนจะได้เข้ามาช่วยกันทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพียงอย่างเดียว
“เราคิดไว้คร่าว ๆ แล้ว ไว้หลังจากกลับไปนี้ ก็คงจะต้องมีคำสั่ง มีการมอบหมายภารกิจต่าง ๆ อย่างที่ได้เรียนไว้”
ส่วนการหารือกับกรุงเทพมหานครและจังหวัดชลบุรีนั้น เบื้องต้นได้คุยกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ท่านก็มีความเห็นว่า ท่านอยากจะกระจายชนิดกีฬาออกสู่ภูมิภาคให้มากที่สุด
ซึ่งก็ยินดีและพร้อมกีฬาชนิดที่กรุงเทพมหานคร อยากให้ลงภูมิภาค เพื่อต้องการจะกระตุ้นความเจริญ กระตุ้นเศรษฐกิจมาสู่ภูมิภาคกรุงเทพมหานครจัดมาหลายครั้ง จะเข้าใจ
“เป็นเรื่องที่ดี ที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครท่านพร้อมที่จะแบ่งชนิดกีฬาที่เราร้องขอไป เสนอไปผมคิดว่ารายละเอียดตรงนี้ ไม่นานคงจะทราบ เพราะยังมีเวลาอีก 1 ปีกว่า ๆ”
ผู้ว่าฯ เจษฎา ได้ฝากถึงพี่น้องประชาชนจังหวัดสงขลาว่า สิ่งแรกที่อยากจะขอคือ ขอให้พวกเราได้มีความภาคภูมิใจในสิ่งที่เราได้มอบหมายจากรัฐบาลให้เราเป็นเจ้าภาพ เป็นตัวแทนของประเทศไทย ฉะนั้น
สิ่งที่เราจะต้องทำร่วมกันคือ ความร่วมมือในทุกภาคส่วน สร้างพลังที่เข้มแข็ง แล้วก็ร่วมกันทุกฝ่าย เพื่อให้จังหวัดสงขลาได้มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ คือระดับอาเซียน เป็นที่รู้จักของผู้คนที่เข้ามาแข่งกีฬา และนักกีฬา รวมทั้งคณะที่เข้ามาเยี่ยมชมกีฬาก็ดีหรือหลาย ๆ ช่องทางที่เราจะได้เผยแพร่สิ่งดีงามของจังหวัดสงขลา รวมทั้งเรื่องการท่องเที่ยว ก็อาจจะเข้ามาช่วย ทำให้เกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยวได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น “ผมเชื่อว่าพี่น้องชาวสงขลา พร้อมที่ร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดี และเป็นเจ้าภาพที่ดี” ผู้ว่าฯ เจษฎา กล่าว