Home » ข่าว » อนิจจา…สงขลา(ประเทศไทย); จ็อบพิเศษช่วงการเลือกตั้ง

อนิจจา…สงขลา(ประเทศไทย); จ็อบพิเศษช่วงการเลือกตั้ง

#นายหัวไทร
มองในมุมลบ กับการเมือง นักการเมืองในปัจจุบันประเทศไม่น่าจะดีไปกว่าเดิมมาก นักการเมืองก็ยังหวังแต่ได้ ใช้ตำแหน่งหน้าที่การงานอำนาจ แสวงหาประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ประชาชนเองก็หวังแต่เงินเล็กๆน้อยๆ จากนักการเมืองที่มาหว่านซื้อเสียง รับจ้างฟังปราศรัย

การเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา น่าสะพรึงกลัว เดี๋ยวนี้
-มีหัวคะแนนหมู่บ้านฯละ 3-4 คน /ผู้สมัครที่ 1 พรรคการเมือง
-มีคนรับจ้างฟังปราศรัย ค่าหัวครั้งละ 300 บาท จนพูดกันทั้งหมู่บ้านว่า วันหนึ่งได่กี่รอบ กี่พรรค และร้องขอนายหน้าให้ผู้สมัครแต่ละพรรค “อย่าจัดปราศรัยชนกัน”

“ว่ากันว่า ปราศรัยใหญ่ที่ใช้เงินค่าคนฟังแพงสุด หัวละพัน ไม่รวมค่านายหน้า และนายหัวรถ ที่สี่แยะสะพานดำ หาดใหญ่ วันนั้น จ่ายกันเกือบยี่สิบล้าน”

ขณะที่เวทีย่อย 200 – 300 คน ก็ใช้เงินกันกว่า2 แสนบาทในการจัดปราศรัยกนึ่งครั้ง”

-มีนายหน้า นายหัวรถ คอยจัดการส่งสัญญาณ ไปยังเครือข่าย ทุกพรรคที่มีการปราศรัย และต้องการระดมคนฟัง จะมีสายรับงานระดมคนให้ พร้อมรับค่าจ้าง ค่าจัดการ
-ซื้อสิทธิ์ นักการเมืองหว่านเงินลงมาจำนวนมหาศาล ซื้อสิทธิ์จากประชาชน หัวละ 300 ไม่ต้องพูดถึง รอบแรก 500 รอบสอง 500 รวมเป็นหัวละ 1,000 บาท ต้องซื้อ 4-50,000 หัว หวังผล 50% พูดถึงตัวเลขเงินที่ใช้กันแล้ว “ขนลุกขนพอง”

“หัวคะแนนตำบลท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ บอกว่า เขาเหมาจ่ายในการรวบรวมรายชื่อ 20 หัว 30,000 บาท แต่ก็มีบางกลุ่มบิกว่าได้มากกว่าคือหัวละ 2,000 บาท”

อันนี้ ไม่แตกต่างจากพื้นที่ เขต 1 ที่ว่ากันว่า จ่ายโดยไม่ต้องตรวจสอบกัวละ 1,000 บาท พร้อมเกทับ “หัวคะแนน” ย้ายมาเป็นกระบวน พร้อม “โพยรายชื่อ” ด้วยค่าตอบแทนที่ดีกว่า

-ขายเสียง ประชาชนผู้เป็นเจ้าของสิทธิ์ พร้อมจะขายเสียงแลกกันเงินเล็กน้อย เพื่อประทังชีวิต รับจ้างปราศรัยครั้งละ 300 ก็เท่ากับหมู 2 กิโลกรัม
-จ่ายเงินกันมโหฬาร นักการเมืองไม่รู้เอาเงินมาจากไหน จ่ายกันจริงจ่ายกันจัง จ่ายกันแบบผิดกฎหมาย แต่ “กกต.ไม่มีปัญญาจับมือใครดม” หรือเอาผิดได้ตามกฎหมาย ทั้ง ๆ ที่การใช้เงินก็โฉงเฉง โจ่งครึ่ม
-ถึงเวลานักการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง ก็ใช้ตำแหน่ง-อำนาจ ที่ได้มาจากประชาชนด้วยการซื้อ ถอนทุนคืน หรือเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง
-ถอนทุนคืน การถอนทุนคืนก็ต้องมีกำไรด้วย เพื่อรองรับไว้เลี้ยงทีมงาน และรองรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วยกับช่วงเวลา 4 ปีระหว่างอยู่ในตำแหน่ง (ถ้าไม่ยุบสภาเสียก่อน)
ลองคิดดูประเทศ จะดีขึ้นอย่างไร นักการเมืองไม่มีเวลาคิดเรื่องชาติ-บ้านเมือง คิดแต่หาช่องทางถอนทุนคืน คนที่น่าสงสารคือ คนสอบตก จ่ายเงินไปพอ ๆ กับคนที่ชนะการเลือกตั้ง แต่แพ้ ไม่มีตำแหน่งหน้าที่-อำนาจ ให้ไปใช้ถอนทุน เว้นแต่เป็นพรรครัฐบาล อาจจะมีตำแหน่งทางบริหารอื่นๆ ตอบแทนคะแนนปาตี้ลิสต์ ก็พอจะมีหน้ามีตา มีตำแหน่ง-อำนาจให้ก้าวเดินไปในสังคมได้บ้าง และอาจจะพอมีช่องทางใช้อำนาจแสวงหาได้บ้าง

บอกตามตรงว่า ผมเองรักและศรัทธาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันเป็นระบอบตัวแทน ประชาชนเลือกตัวแทนไปทำหน้าที่แทน เรียกว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แต่ไม่ศรัทธาต่อการได้มาซึ่ง ส.ส.ในสถานการณ์ปัจจุบัน มันไร้เกียรติ์ ไร้ศักดิ์ศรี การประพฤติปฏิบัติของ ส.ส.ก็ไม่น่าศรัทธา ผมจึงไม่ศรัทธาต่อการเลือกตั้งในปัจจุบัน กับการกำกับการเลือกตั้งที่ไม่เป็นไปตามคำขวัญ “สุจริต เที่ยงธรรม”

มันเป็นการเลือกตั้งที่สุจริตจริงหรือ ชาวบ้านร้านตลาดรู้กันหมดว่า ใคร พรรคไหน ซื้อเสียงหัวละเท่าไหร่ มีการปราศรัยรับปากว่าจะให้ มีการจัดเลี้ยง มีกาาข่มขู่หัวคะแนนฝ่ายคู่แข่ง และสุดท้ายคือ “ซื้อหัวคะแนน” คู่แข่ง

มันเที่ยงธรรมจริงหรือ อยากจะถามไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และทุกกลไกของ กกต.เช่น ผู้ตรวจการเลือกตั้งว่า พอใจต่อผลการจัดการเลือกตั้งแล้วหรือ

กลไกลของ กกต.ทุกองคาพยพพอจะพูดได้เต็มปากเต็มคำอย่างไม่อายใครได้จริงหรือว่า เป็นการเลือกตั้งที่ “สุจริต เที่ยงธรรม” ในฐานะองค์กรหลักของประเทศ
#นายหัวไทร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *