วันนี้ (25 กรกฎาคม 2566) มหาวิทยาลัยสงขลาคนรินทร์ (ม.อ.) เปิดเวทีสมัชชามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เรื่อง “การขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยฯ สู่โลกแห่งอนาคต” ณ ห้องประชุม Conference Hall ศูนย์ประชุมนานาชาติ ฯ มอ. และประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วยโปรแกรม Zoom Cloud Meeting
ภายในการประชุม มีการบรรยายจากนักวิชรการ ใน 3 หัวข้อ ได้แก่ เรื่อง “การขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์สู่โลกแห่งอนาคต” โดย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ , “ทิศทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ” โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี ม.อ. และการบรรยายเรื่อง “การขับเคลื่อนสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งคุณค่าด้วยวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์” โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ธนิต เฉลิมยานนท์ รองอธิการบดี ม.อ. เป็นการปิดท้าย
โดยการบรรยายแต่ละหัวข้อมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ ด้วยองค์ความรู้ด้านการบริหารและมีการแบ่งเวทีแลกเปลี่ยนเพื่อเข้ากระบวนการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยโดยใช้กระบวนการวางวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธย์ (SO) เพื่อพัฒนาให้มหาวิทยาลัยมีคุณค่า ยกระดับไปสู่การเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ
รองศาสตราจารย์ ดร.ธนิต เฉลิมยานนท์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยของเรามีการปรับวิสัยทัศน์ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งคุณค่า เพื่อการขับเคลื่อนการพัฒนาที่นยั่งยืนระดับแนวหน้าของโลก โดยการที่จะไปถึงวิสัยทัศน์นั้นต้องตอบโจทย์ 3 เรื่องหลักคือ ความเป็น Global ด้วยการตั้งเป้าให้เป็น Top 50 ใน QS World University Rankings
อีกส่วนหนึ่งคือ การวางเป้าหมายที่เรียกว่า Key Result ยกตัวอย่างเช่น การมี High Impact Public Policy ซึ่งจะถูกร้อยเรียงมาว่าเป็นสิ่งที่อยากได้ในปี 2570
“เหล่านี้เป็นวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ หรือ SO ที่ตอบโจทย์ให้พัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยแห่งคุณค่า” รองศาสตราจารย์ ดร.ธนิต กล่าว และว่า
SO ทั้งหมด 5 ด้าน คือ( SO1) ด้านความมั่นคงด้านอาหารและเกษตรกรรมยั่งยืนเพื่อความอยู่ดีมีสุข , (SO2) สร้างสรรค์องค์ความรู้และนวัตกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์, (SO3) สร้างความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสองคาบสมุทร, (SO4) สร้างสังคมพหุวัฒนธรรมและวิถีสุวรรณภูมิสู่ความยั่งยืน และ 5 (SO5) ยกระดับเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และการท่องเที่ยวมูลค่าสูง”
ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี ม.อ. กล่าวถึงการถอดบทเรียนสำคัญในทำงานมาตลอดวาระไว้ว่า ความสำเร็จความยั่งยืนของสงขลานครินทร์อยู่ที่การทำประโยชน์เพื่อเพื่อนมนุษย์ เพราะฉะนั้นการปรับวิสัยทัศน์จาก “คุณภาพ” เป็น “คุณค่า” ซึ่งคิดว่าเป็นระยะเปลี่ยนผ่านที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง มหาวิทยาลัยต้องมีการปรับตัวอย่างเร่งด่วนและต้องมีความชัดเจนในประเด็นที่จะเคลื่อนที่ไปด้วยกัน เพราะฉะนั้น ในการที่จะรับมือกับความท้าทาย สิ่งสำคัญคือความร่วมมือของภายในก่อน
“ผมจึงขอใช้เวทีสมัชชาแห่งนี้ ในการที่พวกเราจะได้เปิดใจและทำงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนสงขลานครินทร์อย่างเต็มที่ ไม่เอาข้อจำกัดมาเป็นข้อแม้ ไม่เอาระยะทาง ไม่เอาความเห็นที่อาจไม่ลงรอยกันในส่วนบุคคลมาเป็นข้ออ้าง” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติกล่าว และว่า
การปรับวิสัยทัศน์มาสู่ “คุณค่า” นั้น สามารถทำได้เพราะเราทำเรื่องคุณภาพมาถึงระดับที่่เรามั่นใจได้แล้วว่าบุคลากรและเนื้อหามีคุณภาพ
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จำเป็นปรับวิธีการทำงานร่วมกัน คิดร่วมกัน เพื่อที่จะขับเคลื่อนประเด็นใหญ่ ๆ แน่นอนว่าหลายเรื่องเป็นเรื่องยาก ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย แต่เม้เป็นเรื่องยาก เราก็ต้องทำ เพราะมหาวิทยาลัยเป็นสมองของประเทศ และเป็นหน่วยงานกลางที่ทุกคนให้ความเชื่อถือ ไว้วางใจ