‘มัสยิดบ้านเหนือ’ขายจยย.ไฟฟ้าเพื่อสวล.-รายได้ดูแลนักเรียนยากไร้

car

“มัสยิสบ้านเหนือ” เป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Weda เสริมบทบาททางสังคมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม และการดูแลนักเรียนยากไร้ซึ่งทำมากว่า 15 ปี จึงต้องมีรายได้ให้พึ่งพาตนเองได้ “ดร.วิสุทธิ์” เชิญผู้สนใจสมัครสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ ผ่อนได้โดยไม่คิดดอกเบี้ย

“มัสยิดบ้านเหนือ เรามีนโยบายที่จะให้เป็นมัสยิดที่ดำเนินบทบาทศูนย์กลางทางสังคม ซึ่งหมายความว่าเป็นที่ ๆ ให้คำแนะนำ ชี้ทางต่างๆ วางระบบเศรษฐกิจต่างๆ ที่จะให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้ และก็ช่วยเหลือผู้อื่นได้” ดร.วิสุทธิ์ บินล่าเต๊ะ อิหม่ามมัสยิดบ้านเหนือ ต.คูเต่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Weda ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมาและว่า

สิ่งแวดล้อมก็เป็นหนึ่งในนโยบาย ที่มัสยิดบ้านเหนือพยายามสร้างความเข้าใจแก่พี่น้องในชุมชนว่าจะต้องร่วมกันอนุรักษ์ สร้ามชุมชนที่มีความน่าอยู่และก็ดูแลรักษาทรัพยากรต่างๆ ที่พระเจ้าทรงประธานให้แม่น้ำ ลำคลอง รวมไปถึงทะเลสาบที่เราใช้เป็นที่ทำมาหากิน แต่ในอีกด้านหนึ่ง สิ่งแวดล้อม ก็หมายความว่าเราต้องทำให้มีอากาศที่บริสุทธิ์ ไม่มีส่วนที่เราจะไปทำให้อากาศมีมลพิษซึ่งรถจักรยานยนต์ที่ไม่ได้ไม่ได้ใช้น้ำมัน แต่จะใช้พลังงานไฟฟ้า ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้คนสามารถรักษาสิ่งแวดล้อมได้ ดังนั้น เราจึงเป็นตัวแทนของจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบรนด์นี้ ที่ได้ทั้งรณรงค์ให้พี่น้องรักษาสิ่งแวดล้อม และได้สร้างเศรษฐกิจ ตามนโยบายของเราที่ต้องการสร้างเศรษฐกิจให้เกิดการพึ่งพาตนเอง เป็นที่มาว่าเราติดต่อประสานงานผ่าน ดร.สิทธิพงษ์ นกแอนหมาน ผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษา ภาคใต้ 3 ประสานงานให้ และบริษัทก็ตกลง



“เมื่อได้รับรู้ว่าจักรยานยนต์แบรนด์นี้เป็นจักรยานยนต์ที่มีคุณภาพ ตามมาตรฐานอุตสาหกรรมไทย ไม่ใช่จักรยานยนต์ที่ผลิตมาจากจีน หรือต่างประเทศ เพราะผลิตในประเทศไทย ใช้วัสดุต่างๆ ที่ได้มาตรฐา ก็ยินดี จึงเป็นที่มาว่าเรารับเป็นตัวแทนจำหน่าย และเปิดร้านที่หน้ามัสยิด ผู้สนใจก็สามารถมาสอบถาม มาดูรถได้”

ดร.วิสุทธิ์ กล่าวถึงความเชื่อในคุณภาพรถจักรยายนต์ไฟฟ้า Weda ว่า เราได้มีการตรวจสอบ การใช้งานต่างๆ ของรถ ซึ่งได้มาตรฐานของอุตสาหกรรมมี มอก. รถสามารถจดทะเบียนได้ ถ้าหากว่าไม่ผ่านมาตรฐาน ก็จะไม่สามารถจดทะเบียนได้ และขณะน้ำท่วมรถก็สามารถวิ่งได้ ไม่ใช่ที่แบบว่าเจอน้ำแล้งเครื่องดับ ก็รู้สึกว่าคุณภาพดี มีมาตรฐาน

“ยางรถก็ได้มาตรฐาน สามารถที่จะเปลี่ยนล้อเปลี่ยนอะไหล่ต่าง ๆ ได้ และก็วิ่งได้ทุกที่ ไม่เหมือนบางยี่ห้อ คือพอไม่ได้มาตรฐาน สมมติยางรั่วขึ้นมาก็ไม่มีอะไหล่จะเปลี่ยน แต่แบรนด์นี้ก็สามารถเปลี่ยนได้เลย มีการรับประกันแบตเตอรี่อะไรต่างๆ เป็นสิ่งบ่งชี้ว่า ได้มาตรฐานจริงๆ”

โดยกลยุทธ์การตลาดนั้น ดร.วิสุทธิ์ กล่าวว่าเงื่อนไขที่มัสยิดมีให้กับลูกค้า คือลูกค้าสามารถใช้บริการแบบสินเชื่อของมัสยิด ที่มีกลุ่มออมทรัพย์ ได้โดยการเป็นสมาชิกของมัสยิด ก็สามารถซื้อได้ในราคาเงินผ่อน ที่ไม่มีการคิดดอกเบี้ย คือผ่อนกับกลุ่มออมทรัพย์โดยตรง หรือจะไปใช้บริการไฟแนนซ์ทั่วไปก็แล้วแต่ความสมัครใจของลูกค้า

“การซื้อรถ ถือเป็นการร่วมทำบุญกับมัสยิด ก็อย่างที่บอกว่านี่คือระบบเศรษฐกิจที่มัสยิด ได้ดำเนินการให้เกิดรายได้ เพราะผมต้องการให้เกิดการพึ่งพาตนเอง เพราะมัสยิดมีภาระในการจัดการศึกษา ซึ่งเรามีโรงเรียนที่มีนักเรียนอยู่เกือบหนึ่งพันคน”

ในจำนวนเกือบ 1,000 คน มีนักเรียนที่เป็นเด็กกรรมพร้า และเด็กยากไร้ ประมาณ 230 คน ซึ่งเด็กกลุ่มนี้มัสยิดรับภาระในการดูแล ทั้งเรื่องเสื้อผ้าอาหาร ที่พัก อาศัย ค่าเล่าเรียนต่างๆ ทางเราจะรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งจะใช้เงินแต่ละเดือนมากกว่า200,000 บาท

ดังนั้น ถ้าหากว่าเราไม่มีฐานทางเศรษฐกิจที่จะรองรับ ภาระเหล่านี้ก็จะยากที่มัสยิดจะมีช่องทางต่างๆ ที่จะสร้างรายได้ให้เกิดการพึ่งพาตนเอง ในการดูแลจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ

จึงหมายความว่าท่านซื้อรถจักรยานยนต์ผ่านทางร้านของมัสยิดบ้านเหนือ ก็เท่ากับว่าท่านได้ช่วยเหลือให้แก่เด็กกรรมพร้าด้วย ได้ช่วยดูแลเรื่องการศึกษาของเด็กที่มาจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ

“เราใช้เพื่อการศึกษาของเด็กๆ เหล่านี้ ทำนุบำรุงการศึกษา และก็บางส่วนก็ช่วยเหลือคนยากคนจนในชุมชน”

ดร.วิสุทธิ์ กล่าวด้วยว่า มัสยิดบ้านเหนือ เราไม่ได้เป็นมัสยิดที่ใช้ในการปฏิบัติทางศาสนกิจเท่านั้น แต่ว่าความเป็นมัสยิดนั้นก็จะต้องดูแลสังคม ส่งเสริมให้คนในชุมชนดำรงเป็นศัพบุรุษที่ดี มีการประกอบศาสนกิจอย่างสม่ำเสมอ นอกเหนือจากการปฏิบัติศาสนกิจอย่างสม่ำเสมอแล้ว ควรจะเป็นคนที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือประเทศชาติ

“วันนี้สังคมของเรา มีปัญหาในเรื่องครอบครัวหมายถึงมีเด็กจำนวนมากที่เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่สามารถเลี้ยงดู ให้ความอบอุ่นแก่เด็กๆ ได้ เด็กที่พ่อเสียชีวิต หรือเด็กที่พ่อและแม่เสียชีวิตทั้งหมดและเด็กที่พ่อแม่มีชีวิตอยู่ก็จริง แต่ไม่สามารถที่จะให้ความอบอุ่นได้ พ่อไปทาง แม่ไปทาง เด็กๆ ก็ต้องอยู่กับคุณปู่ คุณย่า หรือตายาย ซึ่งไม่สามารถดูแลเด็กให้มีคุณภาพได้ เด็กเหล่านี้นับวันยิ่งมีมากขึ้น แล้วถามว่าเราจะปล่อยให้เด็กๆ เหล่านี้เติบโต แบบไร้ทิศทางก็จะเป็นปัญหาสังคมในอนาคต และก็รอแต่ว่าให้ภาครัฐทำนู่น ทำนี้ ซึ่งมันช้ามาก มันไม่ทันการณ์“

เราก็ดำเนินการเท่าที่สามารถดำเนินได้ ซึ่งมัสยิดบ้านเหนือได้ดำเนินการเรื่องนี้มานาน นับตั้งแต่เราตั้งโรงเรียนมาประมาณ 15 ปีที่ผ่านมา เราดูแลเด็กๆ จนถึงวันนี้ประมาณ 230 คน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

สิ่งที่มัสยิดบ้านเหนืออยากให้สังคมสนับสนุนคือ 1. ถ้าเราช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม ก็เท่ากับว่าเราช่วยประเทศของเรา ถ้าหากท่านเป็นคนที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ท่านก็อาจจะมาใช้บริการ มาดูจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่นี่ แต่ถ้าท่านมาแล้วท่านก็จะไม่ได้แค่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ท่านก็สามารถช่วยเหลือสังคมในด้านอื่น ๆ เช่น ช่วยทำนุบำรุงการศึกษา ช่วยส่งเสริมดูแลเด็กกำพร้า จะได้มากหรือน้อยก็แล้วแต่ แต่ท่านได้มีส่วนช่วยแล้ว

“ร้านของมัสยิดบ้านเหนือที่จำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ไม่ได้ทำเพื่อมุ่งหวังผลกำไร แต่เป็นการช่วยเหลือสังคม พี่น้องก็สามารถร่วมได้ ก็จะได้อานิสงส์ของสิ่งแวดล้อม และได้ช่วยเหลือเด็กๆ ไปด้วย” ดร.วิสุทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่มัสยิดบ้านเหลือนำมาจำหน่ายมี 2 รุ่นคือ รุ่น Weda Aqua ราคา 52,000 บาท กับรุ่น Weda Naga ราคา 59,000 บาท

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *