รองผวจ.สงขลาชี้หนังชีวิตแก้ซากเรือประมงเวียดนาม

ลงเว็บ 11

รองผู้ว่าฯ สงขลา ชี้การแก้ปัญหาซากเรือประมงเวียดนามจอดในทะเลสาบเป็นหนังชีวิต ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการ ขณะที่ผอ.เจ้าท่าภูมิภาค ผอ.สนง.เจ้าท่าภูมิภาคสาขา เสนอตั้งกรรมการชี้เป้าสถานที่เก็บรักษาของกลาง
27 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสงขลา ที่ประชุมคระกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสงขลา ครั้งที่ 5/2567 ประเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสงขลา ได้สรุปการจัดระเบียบการจอดเรือประมงเวียดนาม ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมาว่า
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 นายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้นำคณะลงพื้นที่
เพื่อสำรวจเรือประมงเวียดนาม ประกอบด้วย ประมงจังหวัดสงขลา, ผู้กำการสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา, ผู้แทนสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสงขลา, และรองผู้อำนวยการศรชล.จังหวัดสงขลา ร่วมตรวจสอบสภาพเรือประมงเวียดนาม
โดยปัจจุบันมีเรือประมงเวียดนาม 115 ลำ จอด
อยู่ฝั่งอำเภอสิงหนคร บริเวณท่าเรือบังดล โดยจอดกระจายอยู่เป็นจุด ๆ ประมาณ 5 จุด ซึ่งสภาพส่วนใหญ่
ชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก เคลื่อนย้ายก็ยากด้วย
อย่างไรก็ตาม สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา จะทยอยขายทอดตลาด โดยจะพิจารณาเรือที่มีสภาพดี
ขณะเดียวกัน สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสงขลา ก็จะได้พิจารณาจัดหาสถานที่จอดเรือที่มีความเหมาะสมไปด้วยเช่นกัน ส่วนผลการดำเนินการทั้ง 2 ส่วนจะมีความคืบหน้าอย่างไรจะได้นำเรียนต่อการประชุมครั้งต่อไป
นายเศวต เพชรนุ้ย กล่าวว่า กรณีเรือประมงเวียดนามก็เหมือนหนังชีวิตก็คงต้องมีการติดตามกันทุกตอน จึงขอฝากส่วนที่เกี่ยวข้อง
“หน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพหลักตอนนี้ของกลางอยู่ในมือหน่วยงานสองส่วน ก็คงเป็นหน้าของสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา”
หลังจากนั้น เราก็ไม่รู้ว่าการขายทอดตลาด จะมีคนซื้อหรือไม่ ซึ่งโอกาสที่จะมีคนซื้อก็จะค่อนข้างยาก เนื่องจากว่าเรือบางลำหมดสภาพ เอาไปใช้
ประโยชน์ไม่ได้แล้ว
“หากไม่มีคนซื้อก็จะมีอีกแนวทางหนึ่งอย่างที่เราคุยกันวันก่อน คือการจำหน่ายแบบ 0 ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าใช้ศัพท์ถูกหรือเปล่า ก็คือหมายความว่ายกให้ฟรี ๆ นั่นแหละ” นายเศวต กล่าว และว่า
ใครอยากเอาก็ออกค่าใช้จ่ายเอง ถ้าไม่มีเอาอีก
ก็คงจะต้องเป็นหน้าที่ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง
ก็มีโอกาสยากอีกเช่นกันที่จะได้รับการจัดสรรงบประมาณ ในส่วนของกรมเจ้าท่า ทุกอย่างมันจะเป็น
ปัญหาต่อเนื่องไปหมด ฉะนั้น ในห้วงเวลาที่เรือยังลอยอยู่เหนือน้ำ ยังไม่จมลงไป ถ้าคดีมันเสร็จเร็ว
ถ้าสามารถดำเนินการได้เร็วในช่วงนี้ มันก็สามารถที่จะจัดการได้อยู่ ส่วนที่มีปัญหามากคือส่วนที่จม เพราะทำการเก็บกู้ค่อนข้างยาก
อีกส่วนวันก่อนมี 4 ลำ ที่เกาะยอ ไม่ได้ใช้งบประมาณของทางราชการ แต่กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้งบประมาณของกรมโยธาฯมาส่วนหนึ่งที่จะเอามาพัฒนาภูมิทัศน์ประมาณนี้ ซึ่งผู้ประกอบการเอาอนุเคราะห์ให้
ส่วนพื้นที่ๆ อยู่ในโครงการเขาจะรื้อให้ 4 ลำ ที่หัวสะพาน ตรงนั้นก็น่าจะเอาไปทำลาย หมดสภาพเพราะจมอยู่นาน
“ฝากศูนย์ดำรงธรรมติดตามด้วย ผมคุยกับทางโยธาธิการและผังเมืองไว้แล้ว เพราะเป็นงบประมาณของกรมโยธาฯ ซึ่งโยธาฯก็ประสานกับเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสงขลาได้แล้วว่า เรือตรงไหน อย่างไร”
โดยส่วนอื่น ๆ ก็คงต้องว่ากันไปตามกระบวน
การของกฎหมาย ที่จะต้องรอให้คดีถึงที่สุด ซึ่ง 4 ลำตรงนั้นคดีจบเรียบร้อยแล้ว แต่เจ้าของไม่เอาแล้ว
ขณะที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสงขลา รายงานว่า ในการดำเนินคดีกับเรือประมงเวียดนามขณะนี้พนักงานสอบสวนได้คัดคำพิพากษาคดีที่ถึงที่สุดไปแล้ว 48 ลำ ได้มาแล้ว 10 ลำ และได้ส่งเจ้าท่า
ภูมิภาคสาขาสงขลาประเมินราคาเพื่อเตรียมขายทอดตลาดแล้ว 13 ลำ
นายหิรัญวัตติ์ สืบกระพันธ์ ผู้อำนวยสำนัก
งานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสงขลา กล่าวว่า กระบวนการยุติธรรมทางอาญา เมื่อเจ้าพนักงานผู้จับกุมได้ผู้กระทำความผิดพร้อมกับของกลางในคดีอาญา คือยานพาหนะทางน้ำที่เรียกว่าที่ใช้ในการกระทำความผิด เจ้าพนักงานผู้จับกุมจะส่งมอบให้พนักงานสอบสวน คือตำรวจพื้นที่นี้ก็คือสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา
“ไม่ว่าจะเป็น ศรชล. กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ
กรมประมง ปราบปรามทางทะเล ทช. ส่งมอบกับ
พนักงานสอบสวนแล้ว เจ้าพนักงานสอบสวนในฐานะ
พนักงานตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาก็ต้องรับไป”
ทั้งสิทธิ์หน้าที่ ตามระเบียบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยการยึดอายัดเก็บรักษาของกลางในคดี
อาญา แล้วของกลางในคดีอาญาเขาก็ตัดสินใจวินิจฉัยว่าความเหมาะสมให้เจ้าของผู้กระทำความผิด ครอบครอง และดูแลใช้ประโยชน์ ณ ที่ไหน หรือเอาไปไว้ ณ ที่ไหน โดยสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกรมเจ้าท่าก็คือวันที่นำของกลางไปไว้ ณ แหล่ง ตำบล ในพื้นที่ทะเลสาบสงขลา
ไม่ได้ถามเจ้าพนักงานตามกฎหมายการเดินเรือคือ พ.ร.บ.การเดินเรือของกรมเจ้าท่าว่าพื้นที่นี้เหมาะสมหรือไม่ กีดขวางการเดินเรือไม่ หรืออาจจะ
ก่อให้เกิดมลพิษหรืออาจจะทำให้เกิดการตื้นเขิน หรือทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนแปลง
“เลยเป็นที่มาของคำว่ากีดขวางการเดินเรือ ทำให้ร่องน้ำตื้นเขิน หรืออาจจะก่อมลพิษทางน้ำ เมื่อ
เรือผุพังลง เจ้าท่าก็บอกว่า ต่อไปในอนาคตต้องตั้ง
คณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมา โดยจังหวัดมีคำสั่ง”
เพื่อชี้เป้าและมีความเห็นร่วมกันว่าสถานที่เก็บยึดอายัดรักษาของกลางในคดีอาญาที่เป็นเรือที่ใช้ในการกระทำความผิดขอให้ถามเจ้าท่าก่อนและให้ชี้เป้าก่อน
เพราะเรามีฐานอำนาจตามมาตรา 121 พ.ร.บ.
การเดินเรือ ซึ่งตอนนี้เราก็ทำหนังสือออกไปเพื่อขอ
ความร่วมมือกับหน่วยงานในการเคลื่อนย้ายหรือดำเนินการให้ไม่กีดขวางการเดินหรือเกิดความปลอดภัย หรือไม่ให้เกิดการตื้นเขิน หรือเกิดมลพิษทางน้ำ ตรงนี้แหละที่เจ้าท่าเข้าไปเกี่ยวข้อง ฉะนั้น เรือ
ประมงเวียดนามที่จอดอยู่ในปัจจุบันทำได้แค่เพียงแจ้งไปที่เจ้าพนักงานผู้จับกุม เจ้าพนักงานคดีอาญา หรือเจ้าของเรือ
หรือหน่วยงานให้เคลื่อนย้ายไปไว้ในที่ ๆ เหมาะสม หรือไม่ให้กีดขวางทางน้ำ หรือกรณีที่ 2 เมื่อ
ทางแรกยังไม่สามารถดำเนินการได้ก็ต้องตั้งงบประมาณ แต่ก่อนที่จะตั้งงบประมาณในการเคลื่อนย้ายก็ต้องทำการขายทอดตลาดก่อน โดยทาง สภ.
เมืองสงขลาจะต้องทำสรุปสำนวนคดีว่าคดีถึงที่สุดกี่ราย กี่ลำ อยู่ที่ไหนบ้าง
เพื่อกำหนดในการขายทอดตลาด และถ้ามีคน
มาประมูล คือเคลื่อนย้ายไปให้พ้นจากทะเลสาบสงขลา แต่ถ้าไม่มีคนประมูลหรือราคากลางยังไม่เหมาะสม หรือนำไปใช้ไม่เกิดประโยชน์ กรมประมง กับกรมเจ้าท่า ต้องตั้งงบประมาณในการรื้อย้ายทำลายเรือเหล่านี้ ซึ่งเป็นแผนในอนาคตของงบประมาณปี 2568 และ 2569
“มันจะมีกระบวนการตามขั้นตอนทางเลือกที่ 1 ทางเลือกที่ 2 ทางเลือกที่ 3 วันนี้ถ้าจะเอากันตรง ๆ
การตั้งงบประมาณ เพื่อรื้อย้ายทำลาย ปี 67 ก็ไม่ได้
แล้ว งบฯ 68 เขาก็ตัดตั้งแต่ 1 ก.พ.แล้ว ก็น่าจะไม่มีแล้ว”
ยกเว้นมีเหตุผลความจำเป็น นั่นคืองบฯกลางของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เทียบเคียงกับกรณีการซื้อเรือประมงคืนเพื่อออกนอกระบบ
แต่ถ้าเป็นงบประมาณปกติของทั้ง 2 หน่วยงาน
ต้องการเป็นงบประมาณปี 2569 ยกเว้นกระทรวงมหาดไทยสามารถมีงบฯกลางที่ไปขอได้อีกอ้างความสะอาด ความเรียบร้อยบ้านเมือง อ้างเรื่องน้ำเสีย มลพิษทางน้ำ การตื้นเขิน หรือปรับปรุงทัศนียภาพรองรับเจ้าภาพซีเกมส์ รองรับความสวยงามเรื่องการ
ท่องเที่ยว ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องผลักดันงบประมาณเพื่อการนี้มา
ซึ่งขณะนี้มีหนังสือคำสั่งที่ให้ สภ.เมืองสงขลาสรุปสำนวนคดีที่ถึงที่สุดแล้ว จะเคาะขายทอดตลาดเมื่อไหร่ กี่ลำ ชื่ออะไรบ้าง ถ้าขายทอดตลาดแล้วไม่มี
ผู้ประมูล ก็ต้องไปทางเลือกที่ 3 คือการตั้งงบประมาณมารื้อย้ายทำลาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *