แม้ไม่มีตัวตน แต่สำหรับชาวมุสลิม เดือนรอมฎอนอาจเปรียบได้ดังหนึ่งบุคคลอันเป็นที่รักซึ่งได้จากไป และกลับมาอีกครั้งเมื่อถึงกำหนด ความอาลัยและยินดีเกิดขึ้นเสมอเมื่อถึงเวลานั้น เช่นเดียวกันกับปีนี้ “รอมฎอน” ถึงกำหนดกลับมาเยือนอีกครั้งราวต้นเดือนมีนาคม ท่ามกลางการรอคอยของมุสลิมทั่วโลก

เดือนรอมฎอน เดือนอันประเสริฐ เดือนอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่ชาวมุสลิมทั่วโลกได้อุทิศร่างกายและจิตวิญญาณต่ออัลลอฮ เดือนแห่งการถือศีลอดตามศาสนาอิสลามผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามจะงดเว้นจากการรับประทานอาหาร และดื่มน้ำ รวมทั้งการกระทำที่จะนำไปสู่ความเสื่อม รักษาร่างกายจิตใจให้บริสุทธิ์ เปรียบประดุจการเตรียมตัวเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าเพื่อรับความเมตตาและอภัยโทษ
อีกทั้งมุ่งมั่นทำความดี เพื่อรับผลตอบแทนด้วยผลบุญที่มากกว่าเดือนอื่น ๆ เป็นทวีคูณ ถือเป็นเดือนอันประเสริฐที่ชาวมุสลิมทั้งหลายต่างรอคอย

ทั้งนี้ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ต่างยึดมั่นปฏิบัติตนในหลักศาสนาอย่างเคร่งครัด ยิ่งปัจจุบันจะเห็นได้ชัดถึงการตื่นตัว โดยเฉพาะในเดือนรอมฎอน จะเห็นได้ว่ามีพี่น้องมุสลิมเป็นจำนวนมากได้ให้ความสำคัญในห้วงเดือนอันประเสริฐนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากความก้าวหน้าทางการศึกษา ที่ทำให้ประชาชนมีความรู้ เกิดความศรัทธา และเข้าใจในหลักปฏิบัติที่ถูกต้อง อีกทั้งนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างเต็มที่ จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจและเพิ่มความศรัทธาให้เกิดการปฏิบัติอย่างกว้างขวาง นับเป็นเทศกาลและวัฒนธรรมแห่งการทำความดีที่งอกงามมาจากหลักศาสนาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน และได้มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องมุสลิมร่วมปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอนผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งจัดทำปฏิทินแสดงเวลาละศีลอดในแต่ละวันแจ้งเตือนเวลาละศีลอดทางวิทยุกระจายเสียงในแต่ละจังหวัดเป็นประจำทุกวัน

นอกจากนี้ ได้จัดให้มีกิจกรรมในการแสดงพลังมวลชน “รอมฏอนสันติสุขและส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม ประจำปี 2567” และกิจกรรมปล่อยลูกโป่งสีขาว พร้อมป้ายปฏิเสธความรุนแรงขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของสันติสุข
โดยปีนี้นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่การแก้ปัญหาการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งยืดเยื้อมาเป็นเวลายาวนาน จนมาถึงมิติใหม่ด้วยการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยตัวแทนฝ่ายขบวนการได้มีความเห็นพ้องต้องกันในอันที่จะลดเหตุการณ์ความรุนแรงในห้วงเดือนรอมฎอนนี้ โดยในห้วงเดือนรอมฎอน จนถึงห้วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้

พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 มีนโยบายให้หน่วยความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ด่านตรวจ จุดตรวจ เพื่อให้มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม เกิดภาพลักษณ์ สร้างบรรยายกาศที่ดี ทั้ง 23 ด่านกลายเป็นด่านอำนวยความสะดวกที่มีความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชนในการประกอบศาสนกิจได้อย่างสมบูรณ์ รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมอื่น ๆ ตลอดทั้งเดือนเป็นไปอย่างสะดวกตามความต้องการของทุกฝ่าย เพื่อให้ประชาชนได้ปฏิบัติศาสนกิจอย่างสบายใจไร้ความกังวล

นอกจากนี้ยังได้ให้ความสำคัญส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติในเดือนอันประเสริฐนี้ ด้วยการมอบเครื่องอุปโภคบริโภค ผ่านผู้ศาสนาเพื่อแจกจ่ายไปยังมัสยิดต่าง ๆ ในการละศีลอดหรือเปิดปอสอ

ในขณะเดียวกันด่านจุดอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในพื้นที่มีเจ้าหน้าที่ได้แจกจ่ายอินทผาลัมพร้อมน้ำดื่มให้ประชาชนที่สัญจรไป-มา สำหรับใช้ละศีลอด สร้างความประทับใจทั้งผู้ให้และผู้รับ “รอยยิ้มจากผู้ให้….ที่ได้ส่งความรัก ความปรารถนาดี และ “คำขอบคุณ” จากผู้รับ หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว สร้างความสุข สร้างความอิ่มใจ สร้างบรรยากาศให้เดือนรอมฎอนอันประเสริฐนี้ เป็นเดือนรอมฎอนแห่งสันติสุข และยังเป็นการแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชนอีกประการหนึ่ง อันจะเป็นหนทางนำไปสู่การสร้างความสันติสุขให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป
……………………………………………………..
เรียบเรียงโดย/การีหม๊ะฯ