สำนักข่าวโฟกัส
สมชาย สามารถ
สงขลา –ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสัตว์น้ำชายฝั่ง ปล่อยกุ้งก้ามกราม-กุลาดำ 4,088,000 ตัว สู่ทะเลสาบสงขลา บริเวณชุมชนประมงบ้านท่าแคง หมู่ที่ 4 ตำบลบางเขียด อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เผยสร้างรายได้สร้างอาชีพชาวประมงในพื้นที่
นายนิคม ละอองศิริวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสัตว์น้ำชายฝั่ง (นิก้า หรือประมงเก้าเส้ง) เปิดเผย “ผู้สื่อข่าว” ว่า

เมื่อวันที่ 7,8,11 และ 20 มีนาคม 2567 ได้ทำการปล่อยกุ้งกุลาดำ 4,000,000 ล้านตัว และกุ้งก้ามกราม 80,000 ตัว รวมจำนวนทั้งสิ้น 4,080,000 ตัว ลงสู่ทะเลสาบสงขลา บริเวณชุมชนประมงบ้านท่าแคง หมู่ที่ 4 ตำบลบางเขียด อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา
นายนิคม กล่าวว่า เพื่อฟื้นฟูสร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้กับชาวประมงในพื้นที่รอบทะเลสาบสงขลา ซึ่งสัตว์น้ำที่ปล่อยลงสู่ทะเลสาบสงขลามีหลายชนิด มีตั้งแต่กุ้งก้ามกราม กุ้งกุลาดำ ปลากะพงขาว ปลาขี้ตัง (ปลาตะกรับ) ปลากระบอกดำ

“เหตุที่ปล่อยกุ้งกุลาดำและกุ้งก้ามกรามบริเวณดังกล่าว เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งน้ำกร่อย มีการเจริญเติบโตดี มีที่หลบซ่อน
“ถ้าเป็นน้ำจืดอย่างเช่น อำเภอระโนด กระแสสินธุ์ ไปทางโน้น เราก็จะปล่อยกุ้งก้ามกรามเป็นหลัก ขึ้นอยู่กับสภาพความเค็มของน้ำ”
การปล่อยจะต้องคำนึกถึงสภาพความเค็มของน้ำ เพื่อให้สัตว์น้ำที่ปล่อยอยู่ในสภาพความเค็มที่เหมาะสมของเขา โดยเฉพาะกุ้งกุลาดำที่ปล่อยในบริเวณดังกล่าว ชาวประมงสามารถจับได้เป็นกอบเป็นกำ
ซึ่งสัตว์น้ำที่ปล่อยลงสู่ทะเลสาบสงขลาที่สร้างได้รายได้สร้างอาชีพเป็นหลักก็คือ กุ้งก้ามกราม และ กุ้งกุลาดำ ตัวอื่นยังไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่จากการปล่อย

แต่สำหรับกุ้งก้ามกราม กุ้งกุลาดำ เห็นภาพชัด ประกอบการมีการปล่อยเยอะด้วย และที่สำคัญธรรมชาติของกุ้งไม่มีการเคลื่อนย้าย ปล่อยตรงไหนมันก็อยู่พื้นที่ ๆ ปล่อย ไม่ไปไหน
ต่างกับปลา ปลาเขาจะมีการเคลื่อนย้ายไปเรื่อย แต่กุ้งเขาไม่ค่อยอพยพไปไหน แต่กุ้งชาวประมงออกจากฝั่งแค่ 500 เมตรก็สามารถจับกุ้งได้แล้ว
โดยราคากุ้งกุลาดำประมาณ 200-300 บาท ประมาณ 3 เดือนก็สามารถจับได้ ขนาด 30 ตัวต่อกิโลกรัม แต่ถ้าปล่อยไป 4 เดือน ขนาด 25 ตัวต่อกิโลกรัม








