หนังสือพิมพ์ภูมิภาค รายสัปดาห์ ของคนใต้ ปีที่ 26 ฉบับที่ 1,329 วันที่ 1 – 7 เมษายน 2567

สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา เสนอกรอ. ให้รถบัสมาเลเซียทำประกันชั้น 3 หลังเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนนักศึกษาเสียชีวิต แต่ความคุ้มครองต่อชีวิตและทรัพย์สินแค่ พ.ร.บ. ย้ำเมื่อดูแลนักท่องเที่ยวอย่างดี ก็ต้องดูแลคนไทยด้วย ที่ประชุมมอบขนส่งจังหวัดดำเนินการ ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวเห็นด้วย ชี้เป็นความจำเป็น
การประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดสงขลา (กรอ.) ครั้งที่ 2/2567 ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสงขลา มีนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นายอภิชาต สาราบรรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา

นายสมพล ชีววัฒนาพงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา ได้นำเสนอต่อที่ประชุม กรณีเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 เกิดอุบัติเหตุ รถบัสมาเลเซียเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ บริเวณหน้าวัดปลักกริมใน ถนนพลพิชัย เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นนักศึกษา คณะศิลปะศาสตร์ สาขาการท่องเที่ยว มหา
วิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยเสียชีวิต ว่า กรณีดังกล่าว กลายเป็นประเด็นว่าในส่วนของรถบัสมาเลเซียมีประกันแค่ พ.ร.บ.ซึ่งดูแลผู้เสียชีวิตค่อนข้างน้อย ในทางกลับกันเวลาเราไปเที่ยวมาเลเซียอย่างน้อยเราจะต้องชื้อประกันชั้น 3 จึงอยากจะนำเสนอว่า กรณีที่รถบัสจากมาเลเซียเข้ามา
ในพื้นที่จังหวัดสงขลา อยากจะให้มีการซื้อประกันชั้น 3 เพื่อดูแลกรณีเกิดอุบัติเหตุและความสูญเสีย “เราเองเราดูแลนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ในกรณีที่นักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ของเรา ฉะนั้น เราก็จะต้องดูแลคนไทยด้วยเช่นกัน ในการที่จะให้เขาซื้อ
ประกันชั้น 3 กรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือเสียชีวิตจะได้รับการคุ้มครองมากกว่า พ.ร.บ.”
จึงอยากนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดสงขลา เพื่อผลักดันเรื่องนี้ต่อไป
ซึ่งที่ประชุม กรอ. สงขลา มีมติให้รถบัสโดยสารมาเลเซียที่นำมาผู้โดยสารเข้ามาในเขตพื้นที่เรา ให้ทำประกันชั้น 3 และมอบหมายให้ “สำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลา” ไปดำเนินการในเรื่องนี้ เพื่อคุ้มครองและดูแลกรณีเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ทรัพย์สินเสียหายหรือเสียชีวิต
นายทรงชัย มุ่งประสิทธิชัย นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความชุ่ยของรัฐบาลคือ ไม่เอาไหน “วัวหายแล้วมาล้อมคอก” ตนเคยเสนอเรื่องนี้มาเป็นเวลานับ 10 ปีมาแล้ว
“คุณจะไปโทษรถบัสได้อย่างไรว่า เขาไม่ซื้อประกันประเภทที่ 3 ก็ในเมื่อประเทศไทยเราไม่มีบริษัทประกันไหนรับทำประกันประเภทที่ 3 ให้กับรถต่างชาติ เขาอยากจะซื้อ แต่เราไม่มี”

แต่หลังจากเกิดเหตุก็บอกว่า ถึงเวลาแล้วที่เรา จะต้องให้รถบัสมาเลเซียที่เข้ามาประเทศจะต้องซื้อประกันประเภทที่ 3 แต่ก่อนปี 2557 หรือก่อนปี 2555 มีการซื้อประกันประเภทที่ 3 ได้ แต่ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาบริษัทประกันไม่รับที่จะให้รถมาเลเซียซื้อ
ประกันประเภทที่ 3 โดยอ้างว่ามีความเสี่ยงสูง ฉะนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้จะให้เขาไปซื้อที่ไหน หรือซื้อที่ใคร ในเมื่อบริษัทประกันไม่รับ
“ถามว่าเป็นความผิดของไทย เป็นความผิดของเขาเหรอที่ไม่ซื้อประกันประเภทที่ 3 เราน่าจะละอายใจที่เขาขนเงินมาให้เราใช้ แต่เราไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้เขาเลย” ต่างกับรถไทยเวลาที่จะเข้าไปในประเทศมาเลเซียเราจะต้องซื้อประกันประเภทที่ 3 ที่ชายแดน
ฝั่งเขาได้เลย จะซื้อประกันระยะเวลากี่วัน ก็มีให้เลือก แต่ของเรามีบริษัทประกันภัยบริษัทหนึ่ง(ไม่อยากเอ่ย
ชื่อ)กำหนดว่า ถ้าจะซื้อต้องระยะเวลา 6 เดือน ประกันประเภทที่ 3 ราคา 26,000 บาท ซึ่งสูงมาก
“เขาขายระยะเวลาขั้นต่ำ 6 เดือน ถ้าต่ำกว่า 6 เดือนเขาไม่ขาย แล้วถามว่ารถบัสมาเลเซีย 2 เดือนเขาเข้ามา 1 ครั้ง 3 เดือนเข้ามา 1 ครั้ง แล้วเขาต้องมาซื้อประกัน 26,000 บาท ถ้าเป็นคุณ ๆ จะซื้อมั๊ย”
อีกอย่าง เราก็ไม่มีการบังคับการซื้อประกันประเภทที่ 3 สำหรับรถมาเลเซีย บังคับเฉพาะประกัน พ.ร.บ.เท่านั้น ฉะนั้น ก็ต้องถามรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า แล้วทำไมถึงไม่บังคับใช้รถมาเลเซียทำประกันประเภทที่ 3
แต่ก่อนปี 2557 มีหลายบริษัทประกันของไทยที่รับทำประกันประเภทที่ 3 สำหรับรถมาเลเซีย ระยะเวลา 2 สัปดาห์ ประมาณ 1,600-2,000 บาท จนกระทั่งปี 2557 เป็นต้นมา บริษัทประกันที่ไม่รับ “รถบัสมาเลเซียที่เข้ามา 100-200 คันในช่วงวันหยุดหรือเทศกาล เกิดเหตุเฉี่ยวชนไม่ถึง 5 คันด้วยซ้ำ แล้วจะมาอ้างว่ามีความเสี่ยงสูงได้อย่างไร”

ในขณะที่รถไทยเข้าไปในประเทศมาเลเซียจะถูกบังคับทำประกันประเภทที่ 3 ทุกคัน ตามกฎหมาย มีให้เลือกจะซื้อกี่วัน 7 วัน 10 วัน 1 เดือน ไม่มีรถจากไทยคันไหนที่เข้าไปมาเลเซียแล้ว ไม่ทำประกันประเภทที่ 3 ราคาก็ไม่แพง 100 กว่าริงกิตหรือ 1,000
กว่าบาท เวลาเกิดอุบัติเหตุจะมีวงเงินคุ้มครองคูกรณีที่เหมาะสม “ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งสำหรับการบังคับให้รถมาเลเซียที่เข้ามาประเทศไทยทำประกันประเภทที่ 3 รอให้เกิดเรื่องขึ้นก่อนแล้วค่อยมาคิดแก้ไขกัน” นายทรงชัย กล่าว
ด้าน นายสุวัฒน์ เพชรวโรทัย กรรมการฝ่ายขับเคลื่อนธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ หอการค้าจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ต้นเรื่องก่อนหน้านี้เคยมีนักท่องเที่ยวมาเลเซียขับรถชนคนของทางหลวงที่กำลังทาสีข้างถนนเสียชีวิต 5 คน คดีนี้จบที่ได้รับการช่วยเหลือจากพ.ร.บ.ศพละ 300,000 บาท จึงทำให้รู้สึกว่าเราต้องทำ เพื่อความปลอดภัยของคนในพื้นที่ของเราด้วยเพราะการที่เขาทำแค่ประกันตาม พ.ร.บ.เขาจ่ายแค่ 300 กว่าบาท มันไม่ครอบคลุมและเหมาะสมสำหรับคนที่อยู่ในพื้นที่ กรณีเกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
“วันนี้ประจวบเหมาะหลังจากเกิดเหตุล่าสุด ทำให้มีการผลักดันเรื่องนี้เข้าที่ประชุม กรอ. เพื่อให้รถบัสมาเลเซียต้องซื้อประกันประเภทที่ 3”
ถ้าเทียบการที่รถไทยเข้าไปในประเทศมาเลเซียเราจะต้องซื้อประกันประเภทที่ 3 แปลว่าไม่ว่าเกิดเหตุอะไรก็ตามเราก็มีประกันชั้น 3 คุ้มครองอยู่แล้ว ซึ่งการทำประกันประเภทที่ 3 ในประเทศมาเลเซียสำหรับรถไทยที่เข้าไปในระยะเวลา 1 เดือนก็ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาทอย่างแน่นอน
“แต่รถมาเลเซียที่เข้มาบ้านเราเขาซื้อแค่ พ.ร.บ. อย่างเดียว ไม่ต้องซื้อประกันประเภทที่ 3 ได้ คือเราไม่มีภาคบังคับเรื่องประกันให้เขา” นายสุวัฒน์ กล่าว และว่าที่นำเสนอคือจะให้มีการนำร่องการประกันประเภทที่ 3 สำหรับรถบัสมาเลเซียที่วิ่งประจำกัวลาลัมเปอร์-หาดใหญ่ก่อน แล้วค่อยขยายไปยังรถบัสนำเที่ยวและรถประเภทอื่น ๆจริง ๆ แล้วมันควรจะเป็น ไม่ได้พูดในฐานะใด ๆ
เราพูดในฐานะคนสงขลา คนพื้นที่ คนที่จะเข้ามาเขาควรจะมีประกันประเภทที่ 3 เพราะเวลาเกิดเหตุจะมีความคุ้มครองครอบคลุมมากขึ้น
“เรื่องนี้ผมเห็นด้วยเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ว่ารถต่างชาติทุกคันที่เข้ามาในจังหวัดสงขลาหรือประเทศไทยควรจะซื้อประกันประเภทที่ 3 เป็นอย่างน้อย”รวมถึงรถจักรยายนต์ต่างชาติที่เข้ามา จริง ๆ ก็ควรจะต้องซื้อประกันประเภทที่ 3 ด้วย โดยมองไปที่เรื่องความปลอดภัยของผู้ทำประกันที่จะเกิดกับตัวเองและคู่กรณีเมื่อเกิดอุบัติ จะได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมและเหมาะสม
“มันเป็นเรื่องความปลอดภัยของคนในพื้นที่ก็คือควรจะมีมาตรฐานที่ทำให้คนในพื้นที่ปลอดภัย”
“ถามว่า ถ้าหากคนที่เรารู้จักถูกรถมาเลย์ชนแล้วจ่ายค่าทำศพแค่ 300,000 บาท คิดว่าคุ้มมั๊ย ถ้าเป็นคนที่เรารู้จัก เราไม่โคเอนะ อย่างน้อยต้องมี 1 ล้านบาท” นายสุวัฒน์ กล่าว