ละเว้น“โพงพาง”ผิดม.157!อดีตรองผู้ว่าฯฟ้อง“ผู้ว่าฯสมนึก”กับพวก

ลงเว็บ 31

รายงานข่าวจาก สภ.เมืองสงขลา ภ.จว..สงขลาแจ้งว่า ประชาชนชาวจังหวัดสงขลา แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กับพวก ฐาน ”ปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ดังนี้

วันนี้ (30 พ.ค.2567) สถานที่เกิดเหตุ ในทะเลสาบสงขลา ตั้งแต่หัวพญานาค ถึง ท่าเทียบเรือประมงใหม่ ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลาผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษคือ นายสมโภช โชติชูช่วง อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และอดีต “นายอำเภอ” หลายอำเภอในจังหวัดสงขลา อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 464 ม.5 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา

ผู้ถูกกล่าวหา 4 ราย ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย ประมงจังหวัดสงขลา, ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสงขลา และ ผู้กำกับการตำรวจน้ำสงขลา

พฤติการณ์แห่งคดีโดยย่อ นายสมโภช โชติชูช่วง ฐานะตัวแทนประชาชนชาวจังหวัดสงขลา มาแจ้งว่าจากการสร้างโพงพาง สิ่งกีดขวาง ตลอดจนการใช้เครื่องมือทำประมงผิดกฎหมาย กีดขวางในพื้นที่ทะเลสาบสงขลา เป็นเหตุให้ประชาชนชาวจังหวัดสงขลาเกิดความเดือดร้อน และเป็นอุปสรรคต่อการใช้ประโยชน์ในพื้นที่เป็นอย่างมาก จนกระทั่ง ก่อนหน้านี้ นายสมนึก พรหมเขียว ในฐานะประธานคณะกรรมการประมงจังหวัดสงขลา ได้ออกคำสั่งให้รื้อถอนโพงพางที่สร้างกีดขวางน่านน้ำทะเลสาบสงขลา และปราบปรามจับกุมผู้ลักลอบใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมายจับสัตว์น้ำภายในทะเลสาบสงขลา

แต่ต่อมาปรากฏว่า หัวหน้าหน่วยราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการควบคุม ปราบปราม กรณีดังกล่าว ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประมงจังหวัดสงขลา ผอ.เจ้าท่าภูมิภาคจังหวัดสงขลา และผู้กำกับการกองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ (จังหวัดสงขลา) กลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนชาวจังหวัดสงขลาโดยรวม โดยนอกจากไม่มีการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้ว หัวหน้าหน่วยงานข้างต้นยังปล่อยปละละเลย ให้กลุ่มผู้กระทำความผิด มีการชุมนุม ปิดท่าแพขนานยนต์ จนไม่อาจเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้ตามปกติ รวมถึงยังรับข้อเสนอที่จะดำเนินการให้ทะเลสาบสงขลาเป็นเขตประมงพิเศษ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษ

ทั้งนี้ หัวหน้าสถานีผู้รับแจ้งคือ พ.ต.อ.บรรเทิง เหล่าเจริญ พร้อมพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ พ.ต.ท. รณวิทย์ ชูช่วย และผู้รายงาน ร.ต.ต.บุญรอด เหมือนยอด

พ.ต.ท. รณวิทย์ กล่าวว่า วันนี้เป็นเพียงการมาแจ้งความ และบันทึกประจำวัน ตามมาตรา 157 (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 บัญญัติว่า
“ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)

“จะเข้าองค์ประกอบแห่งคดีหรือไม่ ต้องมีรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งผู้แจ้งบอกว่า จะนำมาให้อีกทีหนึ่ง” พ.ต.ท.รณวิทย์ กล่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *