ประมงจังหวัดสงขลายืนยันแก้ปัญหาโพงพางในทะเลสาบ เดินตามแผนให้แล้วเสร็จในปีงบประมาณ 67 มุ่งบังคับใช้กฎหมาย เลี่ยงเผชิญหน้านำสู่ความยั่งยืน ป้องกันการยึดคืนพื้นที่
หลังจากที่การรื้อโพงพาง 159 ช่อง ระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร จากปากอ่าวทะเลสาบสงขลาจนถึงท่าเทียบเรือประมงใหม่ (ท่าสะอ้าน) ต้องยุติลง เนื่องจากการประท้วงปิดท่าแพขนานยนต์ของกลุ่มประมงพื้นบ้าน(โพงพาง) แม้เวลาจะล่วงเลยมาได้ระยะหนึ่ง แต่การบังคับกฎหมายเจ้าหน้าที่รัฐกับการแก้ปัญหาโพงพางขีดขวางร่องน้ำทะเลสาบสงขลา ก็ยังอยู่ในความสนใจ
นายเจริญ โอมณี ประมงจังหวัดสงขลา เผย ความคืบหน้าการแก้ปัญหาโพงพางทะเลสาบสงขลาว่า ประมงจังหวัดสงขลายังคงดำเนินการเหมือนเดิมแต่อาจจะทิ้งช่วงไปนิดนึง ทุกอย่างยังเดินไปตามแผนเดิมทั้งหมดที่กำหนดไว้ ซึ่งขณะนี้มีการทยอยส่งหลักฐานให้พนักงานสอบสวนไปแล้ว 30 ราย
“การปฎิบัติการบังคับใช้กฎหมายยังเดินต่อไป แต่เพื่อลดการเผชิญหน้า ลดความขัดแย้ง จากเดิมที่จะรื้อโพงพางทั้งหมดทันที”
การดำเนินการในปัจจุบัน คือการบังคับใช้กฎหมายด้วยการ ด้วยการแจ้งความ และส่งหลักฐานให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกระบวนการ ออกหมายเรียกสอบปากคำ ส่วนที่มีการจับกุมไปแล้วก็เข้าสู่กระบวนการศาลตัดสิน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าทำการรื้อถอน ซึ่งในขณะนี้ที่จับกุมไปแล้ว 2 คดี และแจ้งความเพิ่มอีก 30 ราย ก็จะออกหมายเรียกไปเรื่อย ๆ
“การแจ้งความดำเนินการไป 2 ส่วน ๆ หนึ่งคือแจ้งความในภาพรวมทั้ง 159 ช่อง ก็ลงบันทึกเป็นคดีแล้ว ตอนนี้ก็ส่งหลักฐานเรื่อย ๆ ไป 30 ราย พนักงานสอบสวนก็จะเรียกมาสอบปากคำ ออกหมายเรียก”
นายเจริญ กล่าวต่อว่า ประมงจังหวัดในฐานะอำนวยการ ส่วนการบังคับใช้ฝ่ายบังคับก็จะบังคับใช้เรื่อย ๆ ซึ่งอาจจะไม่บุกทีเดียว ส่วนคดีเป็นคดีแล้วที่มีการจับกุมซึ่งหน้าครั้งก่อน ก็จะส่งอัยการ ส่งศาล ศาลก็จะตัดสินอีกที ว่ามีความผิดยังไง ค่าปรับยังไง เท่าไหร่
“จะทำการรื้อนั้นไม่ยาก แต่ต้องรอเวลาให้พี่น้องเข้าใจกฎหมาย ถ้ามีการบังคับโทษมันหนัก” นายเจริญ กล่าว และว่าการดำเนินการครั้งนี้เป็นการแก้ปัญหาระยะยาว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคตในพื้นที่ๆมีการดำเนินการไปแล้ว และการบังคับกฎหมายได้ง่ายขึ้น
โดยการดำเนินการทั้งหมดจะต้องแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2567 สำหรับการแก้ปัญหาโพงพางที่กีดขวางร่องน้ำจำนวน 159 ช่อง
“ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ยังคงทำงาน แต่อาจจะไม่ทันใจวัยรุ่น และเป็นการทำงานในรูปแบบใหม่ ๆ บ้าง จะให้รื้อไม่ยาก กำลังเจ้าหน้าที่เยอะแยะไป ทำให้เกิดภาพว่าเจ้าหน้าที่รังแก ทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ไปรังแก แต่เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาให้ปรับ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ก็มีความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมาย” สำหรับกรณีฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ร่องน้ำ ฝ่ายอนุรักษ์ที่มองเรื่องทรัพยากร เขาก็อาจจะมีความรู้สึกท้อว่าเจ้าหน้าที่ไม่จริงจัง ไม่ต่อเนื่องในการแก้ปัญหา แต่ขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ยังดำเนินการไปตามแผนปฏิบัติการที่กำหนด แต่อาจจะไม่เผชิญหน้ากัน หรือเอากันทีเดียว เพราะการที่ไปทะเลาะกับชาวบ้านที่ทำมาหากินก็ดูเป็นภาพลบ
“อีกฝ่ายหนึ่งก็ทำมาหากินหาเลี้ยงครอบครัว อีกฝ่ายถือกฎหมาย บังคับใช้กฎหมาย หากสามารถหาทางออกที่ดีได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดี” ประมงจังหวัดสงขลา กล่าว
