‘ผู้ว่าฯพาตีเมาะ’ตั้งศูนย์ช่วยเหลือ รับสนองงานพัฒนา“คน”ปัตตานี

6 1

ปัตตานีเดินหน้าพัฒนาคน กลุ่มเปราะบาง “ผู้ว่าฯพาตีเมาะ” รับสนองโครงการรับสั่ง ระบุภายใน 2 ปี
สร้างศูนย์ช่วยเหลือบุคคลปัญญาอ่อน ศูนย์พัฒนา คนพิการ พัฒนางานบาติก สร้างความสามารถพึ่งพาตนเองของประชาชน

นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวถึงการดำเนินงานของจังหวัด เน้นพัฒนาคน กลุ่มเปราะบาง ยกระดับกลุ่มประชาสังคมพื้นที่ และภารกิจสำคัญที่รับมอบหมายเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ประชาชนจังหวัดปัตตานีว่า ขณะนี้มีหลายงานที่ต้องทำ และเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือพัฒนาสังคมโดยตรง


“ผู้ว่าฯมีงานสนองตอบภารกิจจากองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพฯ พระองค์มีกระแสรับสั่งจะสร้างศูนย์ช่วยเหลือบุคคลปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทยที่ปัตตานี ขณะนี้ได้จัดหาที่ดินแล้ว อยู่ระหว่างการเตรียมก่อสร้าง ใช้เวลา 2 ปี”
เป็นแหล่งสุดท้ายที่พระองค์รับสั่งให้จัดสร้าง โดยพระองค์ประทานงบประมาณมาบางส่วน และทางจังหวัดก็แสวงหามาสมบทอีกบางส่วน ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับพื้นที่ และจะดำเนินการก่อสร้างประมาณปลายปีนี้

messageImage 1719479386438 0


อีกงานเป็นรับสั่งขององค์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ฯคือ การจัดตั้ง สถาบันพัฒนาบาติก เป็นองค์ความรู้และอัจฉริยภาพขององค์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ฯ พระองค์วางไว้ให้เสร็จภายใน 2 ปีเช่นกัน
“จากภารกิจที่ทั้งสองพระองค์ทรงมอบหมายให้โดยตรง จึงต้องทำให้อยู่ที่ปัตตานี กระทรวงมหาดไทยเองก็เห็นความสำคัญของภารกิจที่ได้รับมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ได้รับใช้งานพระองค์สนองประโยชน์ต่อประชาชน ขณะนี้พระองค์ก็ทรงส่งทีมงานลงมาช่วยดำเนินการ”

นางพาตีเมาะ กล่าวและว่าพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้ง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ยังมีกลุ่มเปราะบางในอัตราที่สูง เช่น กลุ่มหญิงม่าย กลุ่มผู้พิการ หลากหลายประเภทซึ่งโดยนโยบายของรัฐก็มีสวัสดิการช่วยเหลืออยู่บางส่วน แต่การเติมเต็มบางอย่างในสภาวะแวดล้อมของเขา เป็นเรื่องที่เราต้องเข้าไปดูและให้ความสำคัญ เช่น การสร้างศูนย์ช่วยเหลือบุคคลปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทยที่ปัตตานี ที่มาเกิดจากการที่มีมูลนิธิที่กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงอุปถัมภ์ดูแลอยู่แล้ว ต้องการให้นำเด็กปัญญาอ่อนในพื้นที่ ซึ่งเด็กเหล่านี้
สามารถเรียนรู้พัฒนาได้ ไปเรียนรู้ที่ศูนย์ฯที่สงขลา


เราพบว่าคนในพื้นที่สามจังหวัดตรงนี้เป็นการยากที่จะปล่อยให้ลูกหลานไปอยู่ไกล จากข้อจำกัดหลายๆ อย่าง ความไม่เชื่อมั่นว่าจะสามารถพัฒนาได้ ความรู้สึกเป็นห่วงเพราะห่างไกลจากบ้าน ดังนั้น เราก็คิดว่าโอกาสอย่างนี้ ถ้าจัดตั้งในพื้นที่ที่ปัตตานีก็น่าเป็นเรื่องที่ดี ก็เป็นที่มาของโครงการ“การดูแลพัฒนาทั้งหมดจะเป็นระบบ หมายถึง ว่านอกจากการพัฒนาลูกแล้ว ก็จะนำแม่ที่ดูแลลูกปัญญาอ่อนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานให้มีรายได้ด้วย ก็เป็นจ้างงานจากครอบครัวเหล่านี้”


ส่วนที่สอง ที่กำลังทำเพื่อคนกลุ่มเปราะบางคือ ศูนย์พัฒนาศักยภาพคนพิการด้านอาชีพอย่างเต็มรูปแบบ เรามีแนวคิดที่ไปตั้งศูนย์ฯที่อ.หนองจิก เช่น เรื่องการทำเกษตร จัดหาที่ดินประมาณ 50 ไร่ เพื่อเป็นพื้นที่ให้คนเหล่านี้เข้าไปทำ ซึ่งต้องมีการ ออกแบบ เช่น เด็กวงล้อ(พิการขา) หรือเด็กเทคโนโลยี ก็ต้องออกแบบให้ตอบรับกัน แม้ว่าวันนี้สถานที่จะยังไม่เสร็จ แต่เราก็เริ่มมีอาชีพให้กับเขา เช่น มีเด็กกลุ่มหนึ่งเรียนเรื่องการทำรองเท้าสำหรับคนเป็นโรงเบาหวาน

FB155CCB 9561 4443 83F1 5051238EE4C7 0

ซึ่งเรามีอาจารย์หมอที่เชี่ยวชาญในการดูแลผู้ป่วยเบาหวานนำเด็กไปสอน และจ้างเด็กเหล่านี้ในการทำรองเท้า ซึ่งเป็นน้องๆ ที่พิการแต่อวัยวะบางส่วน เช่น มือยังทำงานได้ดี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับศักยภาพของเด็กแต่ละคน โดยร่วมมือกับหลายๆ หน่วยงาน เช่น วิทยาลัย
การอาชีพต่างๆ วิทยาลัยชุมชน วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษก นำเด็กๆ เหล่านี้มาฝึกความรู้เรื่องช่างวิชาชีพ เช่น ทำรถเข็นสำหรับผู้พิการ การซ่อมมอเตอร์ไซค์ การต่อรถพ่วงข้าง(รถโชเล่) สามารถออกแบบได้ ซึ่งกองทัพเรือ กองทัพอากาศ ก็เข้ามา สนับสนุนด้วย


“การดูแลและช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เฉพาะหน้า เช่น ถุงยังชีพ อะไรต่างๆ ก็เดินไปตาม แนวทางปฏิบัติ แต่การช่วยให้เขาสามารถพึ่งพาตัวเอง การสร้างเพื่อให้เขามีความสามารถพัฒนาศักยภาพต้องใช้เวลา และได้ดำเนินการไปด้วยแล้ว” ดังนั้น ในปัตตานี เราไม่ได้มองแค่การช่วยเหลือ เฉพาะหน้า แต่จะมองในระยะยาวให้เขาและครอบครัวได้สามารถนำพาตนเองมีชีวิตที่ดีขึ้นต่อไปได้ โดยดูแลคนพิการทุกรูปแบบที่ยังพอมีศักยภาพในการฝึกอาชีพ


“การช่วยเหลือตามศักยภาพต้องดูเป็นรายๆ ไป ซึ่งเรามีตัวเลขคนพิการในพื้นที่สูง เราจึงมีพื้นที่มีสถานที่ให้เขาได้เรียนรู้พัฒนาตัวเองตามสภาพของเขา”ส่วนการสร้างศูนย์พัฒนาศักยภาพคนพิการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมพื้นที่ แต่ในระหว่างการเตรียมพื้นที่ก็มีการฝึกสอนพัฒนามีงานให้เด็กพิการทำ ในส่วนงานช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางก็ยังมีอีกงานที่กำลังทำคือ การช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ไม่อยู่ในระบบ เช่น คนสูงอายุที่อยู่ในสภาพอ่อนแอ แต่ยังไม่ถึง 60 ปี ซึ่งหากอายุ 60 ปีก็ยังพอมีสวัสดิการบางอย่างช่วยเหลือจากรัฐ แต่ผู้อยู่ในภาวะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เราได้ดำเนินการหาแหล่งทุนสร้างกองทุนขึ้นมา ซึ่งเป็นก้อนที่ต้องสามารถหมุนเวียนและดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อมาเสริมเติมเต็ม การช่วยเหลือตรงนี้


“ทุกวันนี้เราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของคนและเศรษฐกิจ การยกระดับกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มภาคประชาสังคม กลุ่มผู้หญิง ให้มีศักยภาพในพื้นที่ขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้หญิง เพราะในการสร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ จะเป็นเรื่องของกลุ่มผู้หญิงแทบทั้งหมด เช่น สินค้าโอท็อป ผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน สินค้าชุมชนต่างๆ ดังนั้น ความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ฐานรากกว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ มาจากกลุ่มผู้หญิง เราจึงต้องสร้างการเรียนรู้พัฒนาให้กับเขาให้มากที่สุด” ผู้ว่าฯ พาติเมาะ กล่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *