ไทย-มาเลเซีย บรรลุข้อตกลงสร้างถนนเชื่อมด่านสะเดา-บูกิตกายูฮีตัม คาดใช้เวลา 1.6 ปี หวังเปิด ใช้ตามแผนปฏิบัติการ 2569 ชี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาเศรษฐกิจและมิตรสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ ที่ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง
วันที่ 22-23 พฤษภาคม 2566 ที่โรงแรม Pulse Grand ปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย นายชนธัญ แสงพุ่ง รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัด ชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคฝ่ายไทย นำคณะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคฝ่ายไทย พร้อมคณะ ร่วมประชุมด้านเทคนิคมาเลเซีย-ไทย ครั้งที่ 3 ในโครงการการยกระดับสะพานเชื่อมรันเตาปันยัง ประเทศมาเลเซีย และสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส และการร่วมประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค (Expert Working Group-EWG) ร่วมไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 2 โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮีตัม

โดยโครงการการยกระดับสะพานเชื่อมรันเตาปันยัง ประเทศมาเลเซีย และสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ประเทศไทย ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลมาเลเซีย ได้เห็นชอบร่วมกันในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบการคมนาคมขนส่ง เชื่อมต่อไทยและมาเลเซียในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ปลายเดือนสิงหาคม 2565 รัฐมนตรีอาวุโสและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการมาเลเซีย ได้เดินทางเยือนประเทศไทย ติดตามความคืบหน้าพร้อมร่วมหารือกับฝ่ายไทย เพื่อให้โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก แห่งที่ 2 ผ่านลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการคมนาคมและการค้าชายแดน รวมทั้งรองรับนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่มีเพิ่มสูงขึ้น
การประชุมครั้งนี้ รองเลขาธิการศอ.บต. มีข้อเสนอให้คณะทำงานฝ่ายไทย นำเสนอต่อรัฐบาลไทยในการเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จในกระบวนการบริหารจัดการ รวมทั้งการออกแบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และ ศอ.บต. จะเป็นหน่วยร่วมแก้ไขปัญหาที่ยังค้าง อาทิ การจัดการปัญหาพื้นที่ที่มีประชาชนอยู่อาศัยและได้รับผลกระทบจากการก่อสร้าง การจัดการพื้นที่ภายในของด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ซึ่งจำเป็นจะต้องมีพื้นที่กลางสำหรับการก่อสร้าง และข้อสรุปขั้นตอนของการจัดซื้อจัดจ้างโครงการร่วมของทั้งสองประเทศ ข้อสรุปที่เป็นข้อยุติแล้ว

ขั้นตอนต่อไป ศอ.บต. จะจัดประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ 1 เดือน และจะนำเสนอเรื่องดังกล่าว เข้าสู่ที่ประชุมเพื่อให้การอนุมัติ/เห็นชอบต่อไป และจะจัดทำงบประมาณรายจ่ายงบประมาณ ของส่วนราชการประจำปี 2567 เพื่อให้แล้วเสร็จ อันจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชน โดยเร่งรัดแผนการดำเนินการจากเดิม กำหนดจะทำในห้วงปีงบประมาณ 2568 ให้อยู่ในปี 2567 เพื่อให้สามารถเปิดดำเนินการได้ในปี 2568 เพื่อเป็นประโยชน์และเป็นของขวัญให้กับประชาชน ทั้ง 2 ประเทศ ทั้งในอ.สุไหงโก-ลก และอำเภอข้างเคียง
จ.นราธิวาส และรัฐกลันตันของประเทศมาเลเซีย ซึ่งต่างรอคอยการใช้ประโยชน์สะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก แห่งที่ 2 นี้ มาเป็นเวลากว่า 20 ปี

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ยังคงเชื่อมั่น โครงการเหล่านี้ จะนำไปสู่การขยายตัวทางการค้า การท่องเที่ยว รวมถึงสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนในระดับประชาชนมากขึ้น ส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศร่วมกันอย่างยั่งยืนต่อไป ในขณะที่โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮีตัม เพื่อพัฒนาเมืองชายแดนให้มีความเจริญรุ่งเรืองด้านเศรษฐกิจในอนาคต โดย Mr. Muhammad Haizul Azreen binUsol Ghafli Deputy Undersecretary, Ministry of Works เป็นประธานฝ่ายประเทศมาเลเซีย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมต้อนรับและร่วมประชุมครั้งนี้ด้วยที่ประชุม มีการอภิปราย ประเด็นปัญหาที่ยังคงค้างจากการประชุมที่ผ่านมา อาทิ จุดเชื่อมต่อถนนไทย-มาเลเซีย ยังไม่ตรงกัน มุมของทางต่อยังไม่ขนานกัน ฯลฯ โดยฝ่ายไทยได้นำคณะทำงานฝ่ายไทยลงศึกษาพื้นที่จริง แล้วสำรวจเพื่อออกแบบตามข้อเสนอของมาเลเซียช่วงเดือนที่ผ่านมา

ซึ่งสามารถดำเนินการได้ตามแบบของมาเลเซียโดยไม่มีผลกระทบในเชิงวิศวกรรมและเขตชายแดนของประเทศไทยแต่อย่างใด ดังนั้น ในที่ประชุม EWG ครั้งที่ 2 นี้ มีมติรับข้อเสนอของประเทศมาเลเซีย เพื่อปรับปรุงแบบ รวมทั้งข้อห่วงใยร่วมกัน
ให้มีความสอดคล้องกัน 4 ประเด็น ประกอบด้วย
1. ปรับแบบถนนเชื่อมต่อด่านทั้งสองโดยยังคงไว้ที่จุดเชื่อมต่อที่ BP23/9 – 23/10 จํานวน 6 ช่องจราจรตามความร่วมมือที่นายกรัฐ มนตรี มาเลเซียและไทย ได้ประชุมหารือร่วมกันเมื่อวันที่ 9 -19 กุมภาพันธ์ 2566
2. ปรับแนวถนนเชื่อมต่อกับตําแหน่งศูนย์กลางของถนน (Center Line and Angel) ระหว่างหลักเขตแดน ที่ 23/9 ถึงหลักเขตแดนที่ 23/10 มีระยะทาง 83.88 เมตร ให้มีขนาดเท่ากันระหว่าง 2 ประเทศและ
3. ปรับมุมองศาเเนวถนนของฝ่ายไทยใช้ 108 องศา ให้สอดคล้องทางมาเลเซียให้ 129 องศา ซึ่ง การบรรจบของ Center Line ฝั่งมาเลเซียจะไม่ตรงกับ ฝั่งไทย มีระยะห่างประมาณ 1.07 เมตร
ทั้งนี้ แนว Alignment ที่จะต้องปรับแนวของฝั่งไทยอาจเกิดข้อจํากัดในรัศมีโค้งที่ติดกับเส้นแบ่งเขตแดน จึงเสนอให้ทั้งสองประเทศจำกัดความเร็วก่อนถึงเขตเเดน โดยปรับลดจาก 80 km/hr. เหลือเพียง 50 – 60 km/hr.
นอกจากนี้ ที่ประชุมทางฝ่ายมาเลเซีย ได้หารือ กรอบระยะเวลาร่วมกันในการสำรวจเพิ่มเติม รวมทั้งการปรับปรุงรายละเอียดย่อย ซึ่งจะหารือวงย่อยกันให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน โดยเริ่มตั้งเเต่เดือนมิถุนายน 2566 กำหนดให้คณะทำงานฝ่ายเทคนิคไทยและมาเลเซีย เดินทางไปในพื้นที่เพื่อตรวจสอบพื้นที่จริง ก่อนจะนำไปออกแบบทางวิศวกรรมอีกครั้งหนึ่ง และกำหนดประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค (Expert Working Group: EWG) ร่วมไทย – มาเลเซีย ครั้งที่ 3 โดยเร็ว เพื่อเห็นชอบแบบและแผนการดำเนินการพร้อมกรอบระยะเวลาต่อจากนี้ โดยกำหนดกรอบคร่าว ๆ ไว้ที่ 1 ปี 6 เดือน

อย่างไรก็ตาม อาจจะมีการหารือร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง กรอบการดำเนินงานก็อยากให้คงไว้ที่ 1 ปี 6 เดือน และในระหว่างนี้ ทั้ง 2 ปนะเทศ จะได้หารือ ร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง จัดทำเป็น MOA ระหว่างสองประเทศโดย ให้รัฐบาลเป็นผู้มอบหมายผู้ลงนาม
ด้านฝ่ายไทย เสนอให้ ศอ.บต. ในฐานะหน่วยงานที่กำกับการบริหารการพัฒนาพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ร่วมกับหน่วยงานที่มีบทบาทและอำนาจหน้าที่ จัดทำ MOA และพิจารณาเสนอต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป เพื่อให้เร่งรัดโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮีตัม ให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด
ที่ประชุมยังได้ชี้แจงประเด็นทางเทคนิคและคำถามที่แต่ละฝ่ายอาจมีเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรง
กัน ทำโครงการฯ เสร็จเร็วเท่าไหร่ ประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายจะได้รับประโยชน์จากสิ่งอำนวยความสะดวกที่กำลังจะเกิดขึ้นในการเชื่อมต่อนี้เร็วขึ้นเท่านั้น การจัดประชุมในวันนี้ผ่านไปอย่างลุล่วงด้วยดี จึงได้มีข้อตกลงความร่วมมือ ในการออกแบบ และ แผนปฏิบัติการร่วมกันที่จะเกิดขึ้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยทั้ง 2 ฝ่าย ให้ความสำคัญว่า การพัฒนาจุดเชื่อม ต่อบริเวณด่านการค้าชายแดนของทั้ง 2 ประเภท ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการพัฒนาเศรษฐกิจและมิตรสัมพันธ์ ตามที่รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง และจะทำให้เกิดการพัฒนาที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และระบบเศรษฐกิจของพื้นที่ในระยะต่อไปโดยเร็ว